Monday, November 27, 2006

Photobucket - Video and Image Hosting
เสี้ยวรำพึง (สำหรับแม่)

ปัญหาในครอบครัวมีด้วยกันทุกคน ส่วนจะมากหรือหรือน้อย ก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวไป อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า ทุกๆ ปัญหาจะไม่รุนแรงหรือหนักหนาเกินกว่าที่เราจะยอมรับได้ หากเราสามารถเข้าใจในมูลเหตุของปัญหานั้นๆ

คนทุกคนที่เกิดมา ย่อมมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ทั้งโดยพันธุกรรม หรือโดยวิถีชีวิตที่เติบโตบ่มเพาะขึ้นมา โดยธรรมชาติมนุษย์ทุกคนไม่ต้องการสิ่งที่ไม่ดี และโดยธรรมชาติอีกนั้นแหละที่มนุษย์มักจะไม่สนใจใคร่รู้ในความไม่ดีของตนเอง แม่เรา หรือแม่ใครๆ ก็ตามแต่ ก็คือมนุษย์ที่ไม่ได้ต่างจากมนุษย์อื่น ๆ

ลักษณะการเติบโตของแม่ ที่บ่มเพาะความเป็นตัวตน จนถึงวันที่เป็นแม่และเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ แม่ไม่รู้หรอกว่า ลูกต้องการอะไรมากที่สุด แต่ที่แม่รู้มากที่สุดก็คือ แม่จะต้องทำให้ลูกเติบโตอย่างดีที่สุด เท่าที่ชีวิตแม่พอจะทำได้

ชีวิตแม่เติบโตมาอย่างไร ในวันที่แม่เป็นแม่ แม่ก็จะสอนลูกอย่างนั้น เพราะบริบทของแม่ตั้งแต่เล็กๆ แล้วเป็นอย่างนั้น แม่คิดว่าแม่ได้ทำหน้าที่ของแม่อย่างดีที่สุดแม้ว่าลูกอาจจะไม่พอใจอย่างที่สุดก็ตาม แต่แม่เชื่อว่าซักวันหนึ่งวันที่ลูกมีลูก ลูกก็จะเข้าใจทุกอย่างด้วยตนเอง

สำหรับลูก ๆ จะไม่เรียกสิ่งใดๆ จากแม่ เพราะลูกเข้าใจแล้วว่า แม่ได้ทำทุกอย่างแล้วเพื่อลูก แม้ว่าบางอย่างตัวของลูกเองไม่เข้าใจ แต่ความรักที่มีต่อแม่ได้สลายทุกอย่างที่เป็นความไม่เข้าใจ จนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวให้ต้องรำลึกถึงอีก

***********

มีตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เติบโตของแต่ละคน เป็นข้อบ่งชี้ถึงลักษณะนิสัยของแต่ละคน

สามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่งงานได้ไม่นาน แต่ความไม่ปกติก็เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ เมื่อพฤติกรรมเดิมของแต่ละคน ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถรับได้

ฝ่ายหญิงเติบโตมาในครอบครัวที่ได้รับการอบรมและเลี้ยงดูมาอย่างดี ทุกครั้งในเวลาทานข้าว ทุกคนในบ้านจะมาทานข้าวพร้อมๆ กัน. ในเวลาทานข้าวคือเวลาที่ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก เพราะนอกจากจะได้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกัน บอกเล่าเรื่องราวของกัน

คนทำกับข้าวก็ทำอย่างมีความสุข เพราะเมื่อทำเสร็จ ทุกคนก็จะมานั่งร่วมกินกัน สรวลเสกันตามประสาคนในครอบครัวเดียวกัน กับข้าวอาจจะไม่อร่อยไปบ้าง หรือขาดการปรุงแต่งในรสชาติบ้าง ก็ไม่เป็นไร เพราะคุณพ่อของบ้านนี้ฉลาด เอาใจแม่เก่ง เช่น ถ้าน้ำบูดู เผ็ดไป คุณพ่อก็จะบอกว่า "ตั้งใจทำอย่างดีเลยนะสำหรับพ่อ จนลืมไปว่าใส่พริกในบูดูถึง 2 ครั้ง" (ตัวอย่าง)

ในครอบครัวนี้ วิถีชีวิตของแต่ละคนจะยุ่งเหยิงซักเพียงใดก็ตาม แต่ทุกคนจะมีเวลาให้แก่กันเสมอ โดยเฉพาะในเวลาทานข้าว

ในขณะที่ฝ่ายชาย เติบโตในครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน เวลาทานข้าว เป็นเวลาของแต่ละคน (ไม่ไช่เวลาของทุกคน) ใครหิวก็เข้าไปกิน หรือบางคนก็กินนอกบ้าน

ชีวิตของฝ่ายชายเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด แล้ว จนโตเป็นผู้ใหญ่และแต่งงานเมื่อทั้งสองคนที่เติบโตในสภาพการเลี้ยงดูที่ต่างกัน แต่มาแต่งงานร่วมชีวิตด้วยกัน แรกๆ ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะต่างโอนอ่อนทุกอย่างให้แก่กัน แต่พอผ่านไปหลายๆ เดือน ฝ่ายหญิงก็ต้องการให้เป็นในแบบที่ครอบครัวของตนเป็น ในขณะที่ผู้ชายก็ต้องการเป็นแบบที่ตนเองเคยชินมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ครอบครัวนี้มีปัญหาทันที และยากที่จะแก้ไข

ถ้าหากว่าแต่ละคนไม่เข้าใจในภูมิหลังของกันและกัน เรื่องนี้ ดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ในความรู้สึกของผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นเรื่องใหญ่มาก

เรื่องของแม่ที่ไม่มีเวลาให้ลูก และไม่อาจจะสนองตอบในสิ่งที่ลูกต้องการ ลูกเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ในขณะเดียวกัน แม่ไม่ได้เข้าใจในแบบที่ลูกเข้าใจ แม่จึงไม่สามารถสนองในความต้องการของลูกได้

สิ่งที่อยากแนะนำก็คือ สิ่งที่แม่เป็นแบบนั้น เพราะแม่เติบโตมากับสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ชีวิตแม่ไม่เคยมีโอกาสได้ปรึกษาใดๆ กับแม่ของแม่เลย (หมายถึงยายของเรา) ในฐานะลูกผู้หญิงแม่ก็ต้องการในแบบเดียวกับที่เราซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันต้องการ แต่แม่เองก็ไม่เคยได้รับ เพราะยายไม่เคยให้ ชีวิตการเติบโตของแม่เป็นอย่างนั้น พอแม่ได้ลูก (นั้นคือเรา) แม่ก็เลี้ยงเราในแบบเดียวกับที่ ยายได้เลี้ยงแม่มา คิดดูซิน่าสงสารแม่ไหม ?

แม่ไม่เคยได้รับในสิ่งที่แม่ต้องการ แต่ในวันนี้ลูกกลับเรียกร้องในสิ่งที่แม่เองไม่เคยได้เลย แม่เจ็บปวดซ้ำสองนะ เจ็บที่หนึ่งคือแม่ไม่เคยได้ เจ็บที่สองก็คือแม่จะต้องให้ น่าสงสารแม่ไหม ?

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะความห่างเหินในครอบครัว ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ หรือปัญหาด้านสังคม สิ่งที่อยากแนะนำ อีกประการหนึ่งก็คือ ให้คิดว่าเราโชคดีกว่าแม่มากเลยนะเพราะ

1. เรารู้แล้วว่าครอบครัวเรา มีบางสิ่งที่ไม่ปกติ ในขณะที่แม่ไม่รู้

2. เรามีโอกาสได้ศึกษา ได้เรียนรู้ ได้มีประสบการณ์ ได้ประสบพบเห็นกับอะไรๆ มากมาย ที่ไกลตัวออกไป ในขณะที่แม่อาจจะไม่มีโอกาสเช่นนี้ เรางจึงต้องใช้สิ่งเหล่านี้ ให้เป็นประโยชน์ สำหรับวันข้างหน้า ในวันที่ เราเองมีลูก เราจะเข้าใจดีเลยว่าต้องให้อะไรบ้างแก่ลูก (โดยเฉพาะลูกสาว)

แล้ววันนั้น ชีวิตของเราและครอบครัวจะมีความสุข ขอให้อดทนอีกนิดนะครับขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

No comments: