Wednesday, November 01, 2006

หยดน้ำตา หยาดน้ำคำ จากเจ้าสาวในคืนแรก (3)

หลังจากจบสิ้นการอีญาบและกอบูล วันนี้ถือเป็นวันแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวฉัน และวันนี้ก็เป็นวันแรกอีกเช่นกัน ที่ฉันรู้สึกมีความสุขมากๆ ที่ได้ละหมาดร่วมกับเขา เขาในฐานะอีมาม จากเสียงอ่านในละหมาดของเขา ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มใจจริงๆ เสียงของเขากังวานและชัดเจน อ่านอัลกุรอานได้เสนาะและเพราะพริ้งมาก เหมือนคนอาหรับเลย

บัดนี้ฉันคิดในใจว่า พ่อแม่ช่างเลือกคู่ที่ดีเหลือเกินสำหรับตัวฉัน

“โอ้อัลเลาะห์ จงอย่าถือเป็นความผิดบาปกับความพลั้งเผลอทั้งหลายของฉัน

โอ้อัลเลาะห์ จงอย่าได้มอบภาระที่หนักหน่วงให้กับฉัน เหมือนกับที่พระองค์ที่มอบให้กับชนในรุ่นก่อนๆ

โอ้อัลเลาะห์ จงอย่าให้ฉันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เหนือกว่าความสามารถของฉัน

โอ้อัลเลาะห์ จงให้อภัยต่อความผิดบาปของฉัน และจงประทานเราะห์มัตแก่เหล่าชนผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิด

โอ้อัลเลาะห์ จงประทานต่อฉัน สำหรับการเป็นภรรยาและสามีที่ดี ตลอดจนประทานลูก ๆ ที่ซอและห์ และจงทำให้เราทุกคน ร่วมอยู่ในกลุ่มชนของบรรดามุตตากีน”

เสียงของเขาอ่านดุอาอ ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความยำเกรง หลังจากเสร็จการละหมาด

หลังจากนั้นเราต่างก็ยื่นมือสลามต่อกัน ฉันเริ่มจากพ่อ แม่ และน้องๆ

ต่อจากนั้นฉันก็เข้าประชิดตัวเขา และยื่นมือสลาม ฉันพูดกับเขาว่า “บังมาอัฟให้กับอานีด้วย” แล้วก้มลงจูบมือเขา เขาจูบที่หน้าผากฉัน

แล้วพูดว่า “โอ้ ฮาบีบี อานีไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใด ๆ กับบังนิ”

พวกเรานั่งพูดคุยในที่ละหมาดจนถึงอีซา และเมื่อละหมาดเสร็จ ฉันเห็นเขาลุกออกไปยังประตูบ้าน

“บังจะไปไหน” ฉันถามเขา

“ของหน้าบ้านยังจัดไม่เสร็จเลย ต้องจัดให้เสร็จก่อน” เขาตอบ แล้วเสียงของพ่อแทรกเข้ามา “วันนี้พักผ่อนก่อน ค่อยจัดพรุ่งนี้ก็ได้”

แต่เขายังยืนกราน “ไม่เป็นไร ยังอีกไม่มาก จัดให้เสร็จในคืนนี้เลยก็ได้” เขาตอบกับพ่อ

ฉันเข้าห้องเปลี่ยนชุดแต่งกาย และลงไปช่วยจัดข้าวของต่างๆ ในเต็นท์ร่วมกับเขา

ดูเขาง่วนกับงานที่อยู่ข้างหน้ามาก ไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันเดินลงมาช่วยเขาด้วย.

ฉันแกล้งเดินไปชนหลังเขา เขาก็สะดุ้งสุดตัว ฉันรู้สึกว่าเขาจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเหนื่อยมากก็ได้

เขาถามฉันว่า “ลงมาตั้งแต่เมื่อไร”

"ก็ 4- 5 นาทีนี้เอง มุ่งมั่นทำงานจังเลยนะ อานีลงมาทั้งคนยังไม่รู้สึกอะไรเลย” ฉันตอบเขา

“มาอัฟให้บังด้วย บังไม่รู้สึกตัวจริงๆ” เขาตอบกลับมา และในทันใดเขาก็เข้ามาประชิดตัวฉัน แล้วพูดว่า “อานีไม่โกรธบังนะ”

พูดจบเขาก็โอบไหล่ฉัน ฉันมองหน้าเขา และโดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็หอมแก้มฉัน “ไม่ได้นะ เดียวคนในบ้านจะเห็น” ฉันห้ามเขา “ไม่เห็นจะต้องอายตรงไหนเลย ยังไงๆ ก็เซาะห์แล้ว” เขาตอบกลับ

และฉันก็ตอบไปในทันทีว่า “ก็ถูกต้องในสิ่งที่บังได้ว่ามา แต่ให้ดูสถานที่ด้วยซิ ถ้าอยู่กันแค่ 2 คน บังจะทำเกินกว่านี้อานีก็ให้ได้” แล้วเขาก็หัวเราะ

หลังจากได้นิกาห์มา วันนี้ก็เป็นวันแรก ที่เราได้คุยหยอกล้อกัน ในฐานะผู้หญิงฉันรู้สึกมีความสุขมาก และถือเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชาย และดูเขาก็มีความใส่ใจกับฉันมาก

ความสุขเช่นนี้ ไช่ว่าใครๆ สามารถมีได้ สุขที่ได้ร่วมชีวิตกับคนที่รัก ช่างเป็นนิอมัติสำคัญที่อัลเลาะห์ได้ให้มา ยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่เซาะห์ ภายใต้บทบัญญัติทางศาสนาแล้ว ความสุขนี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ชีวิตฉันไม่เคยมีความรักกับใคร แม้ในช่วงที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ที่เพื่อนๆ ฉันส่วนใหญ่เขามีกัน แต่ฉันไม่ แม้จะมีใครมาทำท่าสนใจอย่างไร ฉันก็ไม่สน เพราะสิ่งที่ฉันถือปฎิบัติมาโดยตลอดก็คือ รักแท้จะต้องเกิดขึ้นภายหลังการนิกาห์แล้วเท่านั้น

แต่ความรู้สึกในเบื้องลึกของคน คงยากนักที่จะอธิบายให้ใครได้เข้าใจ ยิ่งความรู้สึกของลูกผู้หญิง แม้วันนี้ฉันอยู่เคียงข้างเขา เขาคือชายผู้เป็นสามีฉัน แต่ฉันกลัว กลัวหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ต้องแบกรับภาระความเป็น “ภรรยาที่ซอลีหะฮ์” ภรรยาที่มีเกียรติในสายตาสามี และในบริบททางศาสนา

“อานี คิดอะไรอยู่” ถึงคราวที่ฉันต้องสะดุ้งต่อ เมื่อสามีมาลูบหัวฉัน ในขณะที่ฉันเหมือนหลุดอยู่ในภวังค์

“บัง ทำให้อานีตกใจ รู้หรือเปล่า” ฉันแกล้งพูดทำเป็นงอน ด้วยอยากรู้ว่าเขาจะง้อฉันอย่างไร

“โอ้ ฮาบีบี แค่นั้น ก็ทำเป็นโกรธหรือ” เขาพูดแล้วหยิกแก้มฉัน

และฉันก็ตอบเขาไปว่า “คืนนี้ บังนอนใต้เตียงคู่กับยุงก็แล้วกัน เพราะภรรยาของบัง เขาไม่สบอารมณ์กับบัง น่าสงสารจัง”

แล้วสามีฉันก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่า “อานี ตกลงเราจะไปฮันนี่มูนกันที่ไหนดี?”

ฉันตอบเขาว่า “อานีพร้อมไปทุกที่ สุดแท้แต่บังจะพาไป”

“ถ้าบังพาไปสู่ดวงดาว และดวงจันทร์ อานีจะตามไปกับบังไหม?” เขาตอบกับฉัน

“ถ้าบังมีเงินมากขนาดนั้น เราไปตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นเลยดีไหม ?” ฉันตอบเขา แล้วเขาก็หัวเราะ

เมื่อจบเสียงหัวเราะเขาก็ถามฉันต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความใส่ใจว่า “ยาฮาบีบี ตกลงเราจะมีลูกกันกี่คน”

“แล้วบังต้องการกี่คนล่ะ” ฉันถามเขาต่อ

“บังต้องการให้มากที่สุด ว่าแต่อานีจะไหวหรือ?”

“เอ๊ะ บังเห็นอานีเป็นโรงงานผลิตลูกหรือไง?” ฉันตอบเขา

แล้วเขาก็หัวเราะอีกครั้งหนึ่ง ฉันดูเขาช่างเป็นคนที่หัวเราะง่ายจังเลย

แล้วเขาก็ตอบฉันว่า “ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น เพียงแต่ว่าถ้าได้ลูกหลายๆ คนก็จะดี บังอยากได้ลูกหลายคน ทั้งลูกชายและลูกสาว อยากมีให้เท่าๆ กัน

ฉันตอบเขาว่า “อินซาอัลเลาะห์ถ้ามีริสกี อานีก็พร้อม”เมื่อฉันพูดจบ ฉันก็เห็นสามีฉันยิ้มระรื่น แล้วพูดว่า “นี้แหละที่ทำให้บังเพิ่มความรู้สึกรัก และหวงต่ออานีเป็นกองเลย” พูดจบเขาก็หอมแก้มฉันอีกครั้งหนึ่ง

นิอมัตสำคัญของการเป็นลูกผู้หญิงก็คือการได้รับความรัก อย่างเต็มเปี่ยมจากผู้เป็นสามี ยิ่งคนดีๆ อย่างเขา ทำให้ฉันเหมือนหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ผีเสื้อ ลำธาร น้ำผึ้ง บุหงา ลดามาลย์ และมีลมโชยพัดโรยระริน เป็นอาจิณตลอดกาล...

“อานี บัง ขึ้นมาทานข้าวก่อน” เสียงของแม่ดังมาจากบนบ้าน เรียกเราสองคนให้ขึ้นไปทานอาหารมื้อค่ำ

ฉันจูงมือสามี เดินขึ้นบ้าน พบว่าแม่ได้เตรียมอาหารพร้อมไว้แล้ว ทั้งพ่อและน้องๆ ก็นั่งกันพร้อมหน้า อาหารมื้อนี้คงจะเป็นมื้อที่พิเศษที่สุด เพราะนอกจากจะหิวมากๆ แล้ว เพราะต้องดูแลแขกที่มาในงาน เป็นงานแรกของบ้านนี้ แม้ไม่ได้จัดอย่างใหญ่โต แต่เพื่อนๆ ฉันทุกคนที่ทราบข่าว ต่างก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่มีขาดเลยแม้ซักคนเดียว ฉันรู้สึกประทับใจกับเพื่อนๆ จริงๆ และที่สำคัญมื้อนี้ก็เป็นมื้อแรกที่ได้ทานร่วมกับเขา และทุกคนในครอบครัว ช่างเป็นมื้อที่พิเศษมาก

No comments: