Monday, January 07, 2008


กุรบ่านที่ดีที่สุด

บันทึก ริมทะเลอันดามัน

ผมจอดรถที่คอกแพะท้ายเขตหมู่บ้าน และโดยทันทีก็ต้องสัมผัสกับกลิ่นมูลสัตว์ ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนต้องใช้ผ้าปิดจมูก แต่ถึงกระนั้นก็ผู้คนมากมายแวะเวียนต่อรองราคาแพะ ผมเข้าใจว่าโดยส่วนใหญ่คงมองหาสัตว์ทำกุรบ่าน ผมเหลือบเห็นแพะตัวหนึ่งสีช๊อคโกแลต รูปร่างใหญ่โตและมีเขายาวเกินแพะทั่วไป

ในบรรดาแพะนับสิบตัว ผมดูแล้วแพะตัวนั้นดีที่สุดและสวยที่สุด จึงสอบถามราคาคนขาย คนขายบอกว่า “ตัวนี้ใหญ่ที่สุดราคา 4,000 บาท”

ได้ยินดังนั้นผมจึงต่อรองขอเป็น 3,500 บาท แต่ผมถูกคนขายตำหนิ บอกว่าต่อรองมากเกินไป ผมจึงต่อรองอีกครั้งหนึ่งให้เหลือแค่ 3,800 บาท แต่คนขายก็ยืนกรานไม่ลดให้

ผมหวังอยากได้แพะตัวนั้นมาก และคิดว่าการต่อรองน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับการซื้อขาย ผมพูดกับคนขายอีกว่า “ยุคนี้น้ำมันขึ้นราคาไม่หยุด แพะไม่น่าจะขึ้นราคาตามไปด้วยนะ”

แล้วคนขายก็ตอบว่า “จริงอยู่ แพะไม่ได้กินน้ำมัน แต่แพะเดินทางมานี้ได้ก็ต้องใช้รถ รถก็ต้องใช้น้ำมัน รถไม่ได้กินหญ้าเหมือนแพะ” คนขายตอบผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับผมนัก

ผมจึงเปลี่ยนไปดูแพะตัวอื่นต่อ ที่เล็กกว่า และราคาน่าจะถูกกว่า ด้วยหวังอยากลดค่าใช้จ่ายสำหรับการกุรบ่านในปีนี้ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ อีกมากที่ต้องใช้

ผมจึงถามราคาแพะตัวใหม่ที่เล็กกว่า คนขายตอบแบบห้วนๆ ว่า “ตัวนั้น 3,500 บาท”

แต่ไม่ทันที่ผมจะต่อรองราคา ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนๆ หนึ่งเข้ามาในลักษณะการแต่งกายที่ซ่อมซ่อ ดูแล้วน่าจะเป็นเกษตรกร หรือคนรับจ้างทำไร่ทำนา

เธอเข้าไปถามราคา แพะช๊อคโกแลตตัวใหญ่ที่ผมอยากได้ในตอนแรก คนขายดูท่าขี้เกียจตอบ บอกกับเธอไปว่า “ราคา 4,000 บาท ไม่มีลดแล้ว”

ได้ยินราคาดังนั้นเธอจึงตอบไปว่า “แพงมากเลยน่ะ ลดหน่อยได้ไหม” คนขายไม่ตอบ แต่กลับชี้ให้ดูแพะตัวอื่นที่เล็กกว่า

แต่หญิงสาวคนนั้นกลับยืนกราน จะเอาแพะตัวใหญ่สุด เธอพูดว่า “ฉันอยากได้แพะตัวใหญ่สุดนั้น สำหรับทำกุรบ่านของฉันในปีนี้ ฉันอยากทำจากสิ่งที่ดีที่สุด”

ว่าแล้วหญิงสาวคนนั้น ก็ตกลงซื้อแพะตัวใหญ่นั้น โดยไม่พยายามต่อรองราคาอีก

ผมเห็นเธอหยิบถุงพลาสติกจากกระเป๋าเสื้อ เป็นถุงพลาสติกบรรจุเงินของเธอ ผมสังเกตเห็นมีเงินใบ 100 ไม่น่าเกิน 5 ใบ นอกนั้นเป็นใบ 50 กับ 20 บาท และมีเหรียญ 10 กับ 5 บาท รวมอยู่ด้วย ซึ่งกว่าจะนับครบ 4,000 บาท ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

เมื่อนับเสร็จแล้ว เธอจึงหยิบเงินให้กับคนขาย แล้วพูดว่า “นี่เงินค่าแพะ ตัวใหญ่ที่สุดนั้น แล้วช่วยพาไปส่งที่บ้านด้วย”

คนขายก็รับเงิน และนับอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ผมก็ยังคงยืนสังเกตุอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา

และแล้วคนขายก็พูดขึ้นมาว่า “มีเงินเกินไป 100 บาท” พร้อมกับหยิบเงินส่วนเกินให้กับหญิงสาวคนนั้น

แต่ผู้หญิงคนนั้นดูท่าจะตั้งใจให้เงินเกิน โดยเธอบอกว่า “เงินนั้น เป็นค่าส่งแพะไปที่บ้าน”

แต่คนขาย ก็ตอบไปด้วยความซื่อสัตย์ในอาชีพตนเองว่า “4,000 บาท ก็เป็นทั้งค่าขนส่งแล้ว เอาเงินคืนไปเถอะ ผมจะเอาเฉพาะตามราคาที่บอกไว้เท่านั้น”

เธอรับเงิน 100 บาทคืน พร้อมกับบอกถึงสถานที่ๆ จะให้คนขายไปส่ง แล้วเธอก็หันหลังกลับ

นอกจากการแต่งกายที่ดูซ่อมซ่อแล้ว พาหนะที่เธอขับมาก็เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า ขนาด 70 cc. ที่ไม่ค่อยจะได้พบเห็นนักแล้วในปัจจุบันนี้

ผมหันมาดูตนเอง อันตัวเรานี้ ถึงจะไม่ไช่คนรวย แต่ชีวิตก็ไม่เคยลำบาก และเดือดร้อนอะไร ในกระเป๋าผมมีเงิน ซึ่งสามารถซื้อแพะเหล่านั้นได้ไม่ต่ำกว่า 2 ตัว แต่เจตนาผมจะใช้เงินส่วนใหญ่เพื่อซ่อมบำรุงพาหนะคู่กายของตนเอง กับของใช้ส่วนตัวอื่นๆ

แพะหรือสัตว์สำหรับทำกุรบ่าน ก็คิดจะใช้เงินที่เหลือจากใช้ชื้อ “อุปกรณ์ดนยา” เหล่านั้น

ในขณะที่เธอคนนั้น ดูจากการแต่งกาย ดูจากพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง และดูจากเงินแบงค์เล็กแบงค์ย่อย ที่เธอนำมาซื้อแพะ ก็เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงฐานะของเธอทางดนยา

แต่เธอมีอีหม่านที่สูงส่ง เธอเชื่อมั่นในความโปรดปรานของอัลเลาะห์ เธอจึงไม่รีรอตัดสินใจทำกุรบ่าน จากสิ่งที่ดีที่สุดที่มี โดยไม่พะวักพะวงกับเงินที่ต้องเสียไป

เทียบกับเรา ผู้หวังมีบ้านหลังใหญ่โต มีรถคันใหม่เอี่ยม มีของใช้ที่ดูดี และราคาแพง ฯลฯ

วันนี้ ผมคิดถึงเธอ ผมนึกถึงตัวเอง ผมตั้งใจทำกุรบ่านจาก “เงินส่วนที่เหลือ” ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายปกติของตนเองมาก ผมใช้เงินเพื่อดนยาอย่างไม่คิดเสียดาย แต่สำหรับเพื่อ “พาหนะแห่งอาคีรัต” ผมกลับคิดมาก กลัวที่จะต้องสูญเสีย

โอ้อัลเลาะห์ ผู้ทรงคุ้มครองมนุษย์ จงทำให้บ่าวของพระองค์ ที่ไม่เคยได้สำนึกรู้ในนิกมัตทั้งหลาย ได้ตระหนักในความยิ่งใหญ่ และพึงกระทำความดี เพื่อความโปรดปรานของพระองค์.