Monday, August 22, 2011

ม่านใย มายา แห่งยอดหญิงคลีโอฟัตรา (6)

11. ชีวิตคู่กับสาวอียิปต์

วันนี้ผมไปโรงเรียนตามปกติ โดยช่วงนี้ผมต้องเข้าคอร์สอบรมภาษาอาหรับ โดยหนึ่งในคณะวิทยากรเป็นศาสตราจารย์ที่เคยเรียนในอียิปต์ และได้รู้จักกับผู้เข้าอบรมที่จบจากอียิปต์คนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ผมหลายปี ....

ความที่จบจากสถาบันเดียวกัน ทำให้ผมสนิทกับเขามาก เขาเล่าถึงประสบการณ์ การใช้ชีวิตคู่ของเขากับผู้หญิงอียิปต์ ซึ่งเขาบอกว่า เป็นความข่มขื่นอย่างยิ่ง

เขาถามผมว่าแต่งงานหรือยัง แล้วแต่งกับผู้หญิงที่ไหน ? ผมก็ตอบตามความเป็นจริง เขาบอกกับผมว่า “หวังว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่ดี ปกติเมื่อจบมาจากนอก ทางครอบครัวก็คงจัดหาผู้หญิงดีๆ ให้อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเป็นผู้หญิงที่ผ่านจากโรงเรียนสอนศาสนาในระดับที่ดีๆ มาแล้ว”

เขาถามผมอีกว่า “ภรรยาคุณจบมาจากไหน เรียนศาสนามาบ้างหรือเปล่า ?”
ผมตอบไปว่า “รู้ว่าเธอเคยเรียนศาสนา ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย และจบมาด้วยเกียรตินิยม”

“อัลฮัมดูลิลลาห์ คุณเป็นคนที่โชคดีมาก ซึ่งผิดกับผมที่ผิดพลาดอย่างแรงในการตัดสินใจมีคู่”

เขาบอกกับผม และก็ทำให้ผมอยากรู้มากขึ้นว่าเป็นอย่างไร

เขาเล่าให้ผมฟังว่า “ตนเองได้ตัดสินใจผิดพลาดที่เลือกผู้หญิงอียิปต์มาเป็นภรรยา ถ้าไม่เช่นนั้นชีวิตผมคงไม่รวดร้าวอย่างที่เป็นอยู่นี้แน่นอน”

เขาบอกอีกว่า “คุณก็รู้ดีว่า ผู้หญิงอียิปต์นั้นสวยมากๆ ๆ ชีวิตผมในเวลานั้น หลงกับความสวยงามของผู้หญิงในประเทศนั้น และด้วยความสวยนี้แหละ ที่ทำให้ผมหมดสิ้นทุกอย่างทั้งทรัพย์สิน เงินทองของพ่อแม่ และเกียรติยศของตนเอง พ่อผมเกือบจะเสียสติ ตัวผมเองเกือบจะบ้าไปแล้ว”

ดูเพื่อนคนนี้จะอึดอัดกับปัญหาในครอบครัวตนเองมาก ไม่ทันที่ผมจะถามอะไร เขาก็เล่าต่อไปอีกว่า

“ผมเกิดมาเป็นลูกคนเดียว จากครอบครัวที่ถือได้ว่าร่ำรวยพอสมควร ผมไปศึกษาต่อที่อียิปต์ ก็ด้วยทุนจากทางบ้าน ในปีแรกที่ผมไปเรียนที่นั้น ผมสอบได้ระดับญัยยิด ซึ่งมีไม่มากนักที่นักศึกษาจากต่างชาติจะสามารถทำคะแนนได้ระดับนี้

และในปีที่สอง ผมก็ได้ไม่น้อยกว่าปีแรก ทำให้เจ้าของบ้านที่ผมเช่าอยู่ เขาประทับใจในตัวผม และเชิญผมไปกินข้าวที่บ้านเขา ในทุกครั้งที่เขาว่าง เขาก็จะเชิญผมไป และตรงนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้จักกับลูกสาวเขา

ครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอผมก็ตะลึงเลย เพราะเธอสวยมาก สวยอย่างที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนสวยอย่างนี้มาก่อนเลย แต่เธอไม่คลุมผมนะอย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นผมคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมต้องแต่งงานกับเธอคนนี้ให้ได้

และผมก็ไม่ได้ตบมือข้างเดียว เมื่อเธอคนนั้น ก็มีใจให้กับผมด้วย และเมื่อเรื่องนี้ได้รู้ถึงพ่อของเธอ พ่อเธอก็เรียกผมให้ไปคุย โดยบอกว่า ให้ผมเลิกติดต่อกับลูกสาวเสีย หรือไม่ถ้าคิดจะรักกันจริงๆ ก็ขอให้ นิกาห์ให้จบๆ ไปเลย แน่นอนว่า ผมต้องเลือกทางที่สองคือ นิกาห์

เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงเพื่อนๆ ทุกคน ต่างก็ท้วงติงในเชิงไม่เห็นด้วย โดยพวกเขาบอกให้ผมเลือกผู้หญิงในประเทศจะดีกว่า ทั้งกริยามารยาทที่เรียบร้อย การแต่งกายก็มิดชิด.

ในตอนนั้นผมรู้สึกรังเกียจเพื่อน ผมคิดว่าพวกเขาคงจะอิจฉาผม

ในส่วนของผม ยังไงๆ ผมก็ไม่เปลี่ยนใจ ผมต้องแต่งงานกับเธอให้ได้ และผมก็ได้แต่งงานกับเธอจริงๆ โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว
นอกจากมะฮัรที่สูงมากแล้ว ผมต้องซื้อบ้านใหม่ให้เธอ ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านให้ดูหรูหรา และงานแต่งก็ต้องจัดในโรงแรม

ในฐานะที่เป็นลูกคนเดียว ทางบ้านผมแม้จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่เมื่อผมยืนกรานจะเอาให้ได้ ทั้งพ่อและแม่ก็จำต้องยอม แม้ว่าต้องขายทรัพย์สินบางส่วนจากทางบ้านไป

และเมื่อจบปริญญาตรี ผมก็ชวนเธอกลับบ้าน โดยขอให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดที่ผมซื้อให้เธอในอียิปต์ แต่เธอยืนกรานไม่ยอมขาย

เมื่อกลับบ้าน ผมได้สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในขณะที่เธออยู่บ้านทำหน้าที่ดูแลลูกอย่างเดียว

ช่วงปีแรกที่กลับมาอยู่บ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร เธอขออะไรผมสนองให้ทั้งหมด และทุกปีผมต้องพาเธอกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่อียิปต์

แต่เมื่อได้ลูกคนที่ 3 ชีวิตครอบครัวของผมก็ต้องลำบากมาก

เมื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้เท่าเดิม และเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง วิถีการดำรงชีวิตเลย เธอไม่เคยประหยัด เธอคิดอยากได้อะไรผมต้องซื้อให้ เพราะหากมิเช่นนั้นเธอก็จะโวยวาย จะอยู่ไม่เป็นสุข ทำเอาบ้านเกือบจะพังไป เธอก็ไม่เคยแคร์ใคร แม้แต่ผมซึ่งเป็นสามี

เมื่อรายได้ไม่เพิ่ม ผมก็ต้องทำงานอื่นเสริม ผมไปทำธุรกิจด้วย โดยขอให้พ่อและแม่ได้ขายทรัพย์สินที่มีเพื่อทำทุน แต่ก็ไม่ประสบความ สำเร็จเลย
เมื่อไม่มีช่องทางใด ๆ ในการเพิ่มรายได้ ผมก็ต้องขอจากพ่อและแม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ขายที่ดินแปลงสุดท้าย เพื่อเพิ่มทุนทำธุรกิจต่อให้ได้ แม้ท่านทั้งสองจะเสียใจแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธผม

ชีวิตผมตกอยู่ในภาวะที่ลำบากมาก แต่เธอก็ไม่เคยสนใจใดๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว เธอยังคงเป็นเธอเหมือนเดิม ที่ผมต้องสนองทุกอย่างที่เธออยากได้ หากมิเช่นนั้น บ้านก็จะกลายเป็นนรก

ผมขอให้เธอขายเครื่องประดับที่ผมซื้อให้ออกไปบ้างในบางส่วน เธอปฎิเสธ และเธอก็จะเปรียบเทียบชีวิตเธอกับญาติๆ ของเธอที่ได้สามีเป็นชายอียิปต์ ที่เธออ้างว่ามีความสุขสบายกว่าเธอ

12. ชตากรรมของพ่อแม่บนความฟุ้งเฟ้อของหญิงอาหรับ

ผมเศร้าใจ และเจ็บปวดมากกับชีวิตตนเอง ผมเสียใจที่ตัดสินใจเลือกผู้หญิงเพียงเพราะความสวยงามบนเรือนร่าง ความสวยของเธอทำให้ผมหลงใหล และสิ้นคิด ชีวิตเหมือนคนไร้หลักยึด แม้จะได้ไปร่ำเรียนถึงต่างประเทศ

ในท่ามกลางความเจ็บปวดของผม ปรากฏว่ายังมีคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่า และรับไม่ได้กับสภาพที่เกิดขึ้นในชีวิตผม และคนๆ นั้นก็ไม่ไช่ใครที่ไหน ก็เป็นพ่อและแม่ผมเอง

ทั้งสองเห็นผมอยู่ในสภาพเหมือนคนล้มละลาย พ่อจึงตัดสินใจขายบ้านที่อาศัยอยู่ ซึ่งก็เป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายแล้วที่เหลืออยู่
เงินที่ได้มาก็ให้ผมกอบกู้ธุรกิจทั้งหมด โดยทั้งพ่อแม่ผม ยอมไปปลูกกระต๊อบท้ายหมู่บ้านอาศัยหลบแดดหลบฝน

เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ผมยอมอดหลับอดนอนทำงานมากขึ้น ทุ่มเททุกอย่างในชีวิต เพื่อให้เกิดรายได้ ซึ่งก็โชคดี อัลฮัมดูลิลลาห์ ธุรกิจผมกระเตื้องขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่แล้วสถานการณ์ในครอบครัว ก็กลับพลิกผันสู่ความเลวร้ายอีกครั้ง เมื่อเธอขอให้ผมพาเธอกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่อียิปต์ เป็นการขอที่ผมไม่อาจจะปฎิเสธได้ และที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยปฎิเสธใด ๆ กับการร้องขอจากเธอ ทุกอย่างผมต้องสนอง สนอง และสนอง แม้แต่ในครั้งนี้ ผมไม่มีสิทธิขัดใจเธอเลย เพราะถ้าขัดเมื่อไร บ้านก็จะกลายเป็นนรกทันที

ผมไปอียิปต์ โดยไม่ได้พาลูกไปด้วย อีกทั้งเธอก็ไม่ยอมให้ลูกตามไป แม้จะข้องใจกับท่าทีเช่นนี้ แต่ก็เห็นดีด้วย เพราะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย

แต่เมื่อไปถึงอียิปต์ ก็ได้เห็นถึงธาตุแท้ และเป้าหมายเบื้องลึกของเธอ เมื่อเธอเอาแต่ตำหนิผม พร้อมกับแสดงความเบื่อหน่ายต่อหน้าพ่อแม่ และญาติพี่น้องของเธอ พร้อมบอกให้ผมหย่า และย้ำว่าเธอไม่มีความสุขเลยที่แต่งงานกับคนต่างชาติ เธอต้องการแต่งงานกับชายอียิปต์
เธอยังบอกอีกว่า เธอเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว และจะมาขอในอีกไม่กี่วันนี้

เธอได้แสดงวาจาที่ก้าวร้าว ประหนึ่งว่าผมคือศัตรูคู่อาฆาต ไม่มีเยื่อใยใด ในความเป็นสามีภรรยา ที่มีลูกด้วยกันตั้ง 3 คนแล้ว มิน่าล่ะ เธอถึงไม่ยอมให้พาลูกกลับมาด้วย

ผมไม่ยอมหย่า แต่ตัดสินใจกลับบ้านให้เร็วที่สุด เพราะผมมิอาจ จะทนอยู่ดั่ง “ผู้อาศัย” แม้แต่ในบ้านที่ผมซื้อเองเมื่อครั้งแต่งงานใหม่ ๆ

ผมดูเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน หลายอย่างที่ซื้อมาจากหยาดเหงื่อของพ่อผม พ่อผู้เป็นเจ้าของเงินที่แท้จริง แต่วันนี้ เพื่อลูกท่านยอมพาแม่ไปอาศัยอยู่ในซอกลืบ ท้ายหมู่บ้าน

ผมยิ่งมองก็ยิ่งรวดร้าวจิตใจ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านหยั่งลึกลงไปในหัวใจ

วันนี้ เป็นวันที่ 3 ที่ผมกลับมาอียิปต์ ผมไม่มีโอกาสได้คุยใด ๆ กับเธอเลย เว้นเสียแต่คำด่าและตำหนิผม

แม้แต่ในยามนอน เธอก็ไปนอนในห้องอื่น และเย็นนี้ ผมเห็นเธอแต่งตัวอย่างดีทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ซึ่งก็คือทรัพย์สินที่ผมซื้อให้ ผมไม่รู้เธอจะไปไหน เธอออกจากบ้านไปไม่มีคำกล่าวแม้ซักคำ

คืนนี้ ผมนั่งรอเธอกลับบ้านทั้งคืน โดยไม่รู้สึกง่วงเลย ผมอยาก จะรู้ว่าเธอไปไหน เธอไปกับใคร แล้วไปทำอะไร ?

เวลาซุบฮิผ่านไป ย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่ ผมเห็นรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าบ้าน แล้วก็เห็นเธอเปิดประตูเดินออกมา ดูท่าทางเธออิดโรย เธอคงไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แล้วเธอไปทำอะไร ?

เธอย่างเท้าก้าวเข้ามาในบ้าน ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปหา แต่เธอพยายามเลี่ยงไม่ยอมคุยกับผม ผมจับแขนเธอ พยายามคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอไปไหน ? ไปทำอะไร ?

เธอตอบอย่างไม่เกรงใจ และไม่รู้สึกกระดากปากแม้ซักนิดว่า ً“เราจบกันแล้ว และวันนี้ฉันเป็นของคนอื่น คุณไม่มีสิทธิใดๆ อีกแล้วสำหรับฉัน”

ได้ยินดังนั้น ผมหน้ามืด ผมทุบตีเธอไม่ยั้ง จนเธอร้องขอให้หยุด เธอไปแจ้งความต่อตำรวจ ผมถูกจับกุม แต่โชคดีที่ตำรวจพยายามไกล่เกลีย แทนที่จะดำเนินคดีฐานทำร้ายรางกาย แต่สิ่งที่นำความเจ็บปวดก็คือ ทุกคนในครอบครัวเธอเข้าข้างเธอทั้งหมด ทุกคนมองหน้าผมเป็นเสมือนผู้ร้ายที่ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีให้ได้

เมื่อได้รับการปล่อยตัว ผมก็เดินทางกลับบ้านเกิดทันที ผมอยู่บ้านได้ไม่ถึงเดือนก็ได้รับจดหมายที่มีต้นทางมาจากอียิปต์ เมื่อเปิดดูก็พบเอกสารสองชิ้น ชิ้นที่หนึ่ง เป็นหนังสือแสดงการหย่า และอีกหนึ่งชิ้นก็เป็นสำเนาการจดทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับชายคนหนึ่ง

ผมรู้สึกเจ็บใจมาก ยิ่งได้ยินเสียงลูกคนเล็กร้องเรียกหาแม่ บางคืนก็ไม่ได้นอน ต้องเฝ้าลูกที่ร้องให้สะอึกสะอื้นตามหาแม่.

- ยังมีต่อ -

No comments: