Tuesday, August 23, 2011

ม่านใย มายา แห่งยอดหญิงคลีโอฟัตรา (5)

8. ไรฮานากลับไปอยู่กับครอบครัว

และแล้ววันที่ผมรู้สึกสบายใจที่สุดก็มาถึง เมื่อไรฮานาตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่ 6 เธอได้ขอกลับไปอยู่กับครอบครัว ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ผมก็ไปส่งเธอถึงบ้าน เพราะครอบครัวเธออยู่ไกลจากบ้านพักผมมาก

ดูเหมือนว่าทุกคนในครอบครัวเธอไม่ได้เฉลียวใจ และไม่คิดถึงความผิดปกติใด ๆ กับความเว้าแหว่งในชีวิตครอบครัวระหว่างผมกับ ไรฮานา และพวกเขาก็ไม่เอะใจเลยที่ผมเลือกที่จะอยู่ที่บ้านพักคนเดียว โดยไม่มีภรรยา

ก่อนกลับไรฮานาได้มาส่งผมถึงรั้วหน้าบ้าน แล้วบอกกับผมว่า บัง ฮานาได้เก็บเงินสะสมไว้จำนวนหนึ่ง เอาไว้ใช้ในตอนคลอด ทั้งหมดได้เก็บไว้ที่ธนาคาร ให้บังไปเบิกได้ด้วยบัตร ATM

ฮานาได้เก็บไว้ใต้หมอน รหัสก็คือวันและเดือนที่เราแต่งงานกัน...

แม้จะข้องใจว่าทำไมเธอจึงไม่พกติดตัว และไม่พากลับบ้าน แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร

และผมก็ไม่ได้คิดเลยแม้ซักนิดว่า การร่ำลาของเราในวันนั้น และคำพูดของเธอคำนั้น นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นและฟังจากเธอ

9. ความรวดร้าวของชีวิตผู้ชาย

การได้อยู่บ้านคนเดียว ผมรู้สึกชีวิตโล่งสบายมากขึ้น ไม่มีเธอชีวิตไม่มีสิ่งใดทำให้ต้องรู้สึกลำบาก ชีวิตเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาหลายปี โดยเฉพาะช่วงที่อยู่อียิปต์

เวลาผ่านไปนับเดือน ที่ผมอยู่อย่างนี้ โดยลืมสิ้นไรฮานา หญิงผู้เป็นภรรยา

แต่แล้ววันหนึ่ง ฝนตกหนัก เวลาก็เข้ามักริบแล้ว ผมจึงต้องฝ่าฝนกลับบ้าน แต่ไม่ทันได้เข้าบ้านผมก็ล้มฟุบหมดเรี่ยวแรง รู้สึกปวดหัวอย่างแรง คลื่นไส้และอาเจียนหลายครั้ง อาการเดิมได้กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ผมจำต้องรวบรวมกำลังประคองตนเองเข้าห้องนอนให้ได้

ผมคิดถึงไรฮานา ถ้ามีเธออยู่เธอคงจะช่วยดูแลผมได้มาก เธอคงจะช่วยประคองผมให้เข้าบ้าน เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ ทำถั่วต้มให้ผมกิน และช่วยนวดหลัง.

คืนนี้ผมรู้สึกรวดร้าวและทรมานมาก นอนก็ไม่ค่อยหลับร่างกายเจ็บปวด จิตใจร่ำร้องคนช่วยดูแล...

ผมมารู้สึกตัวอีกที เวลาเกือบ 7 โมง ในเช้าวันใหม่ ร่างกายสดชื่นขึ้น แต่เมื่อคืนผมไม่ได้ละหมาดอีซา ในขณะที่ซุบฮิในเช้านี้ ก็หมดเวลาแล้ว ถ้าไรฮานาอยู่ เธอคงไม่ปล่อยให้ผมเป็นอย่างนี้.

10. ชีวิตคู่กับสาวอียิปต์

วันนี้ผมไปโรงเรียนตามปกติ โดยช่วงนี้ผมต้องเข้าคอร์สอบรมภาษาอาหรับ โดยหนึ่งในคณะวิทยากรเป็นศาสตราจารย์ที่เคยเรียนในอียิปต์ และได้รู้จักกับผู้เข้าอบรมที่จบจากอียิปต์คนหนึ่ง เขาเป็นรุ่นพี่ผมหลายปี ....

ความที่จบจากสถาบันเดียวกัน ทำให้ผมสนิทกับเขามาก เขาเล่าถึงประสบการณ์ การใช้ชีวิตคู่ของเขากับผู้หญิงอียิปต์ ซึ่งเขาบอกว่า เป็นความข่มขื่นอย่างยิ่ง

เขาถามผมว่าแต่งงานหรือยัง แล้วแต่งกับผู้หญิงที่ไหน ? ผมก็ตอบตามความเป็นจริง เขาบอกกับผมว่าหวังว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่ดี ปกติเมื่อจบมาจากนอก ทางครอบครัวก็คงจัดหาผู้หญิงดีๆ ให้อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเป็นผู้หญิงที่ผ่านจากโรงเรียนสอนศาสนาในระดับที่ดีๆ มาแล้ว

เขาถามผมอีกว่าภรรยาคุณจบมาจากไหน เรียนศาสนามาบ้างหรือเปล่า ?”

ผมตอบไปว่ารู้ว่าเธอเคยเรียนศาสนา ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย และจบมาด้วยเกียรตินิยม

อัลฮัมดูลิลลาห์ คุณเป็นคนที่โชคดีมาก ซึ่งผิดกับผมที่ผิดพลาดอย่างแรงในการตัดสินใจมีคู่

เขาบอกกับผม และก็ทำให้ผมอยากรู้มากขึ้นว่าเป็นอย่างไร

เขาเล่าให้ผมฟังว่าตนเองได้ตัดสินใจผิดพลาดที่เลือกผู้หญิงอียิปต์มาเป็นภรรยา ถ้าไม่เช่นนั้นชีวิตผมคงไม่รวดร้าวอย่างที่เป็นอยู่นี้แน่นอน

เขาบอกอีกว่าคุณก็รู้ดีว่า ผู้หญิงอียิปต์นั้นสวยมากๆ ๆ ชีวิตผมในเวลานั้น หลงกับความสวยงามของผู้หญิงในประเทศนั้น และด้วยความสวยนี้แหละ ที่ทำให้ผมหมดสิ้นทุกอย่างทั้งทรัพย์สิน เงินทองของพ่อแม่ และเกียรติยศของตนเอง พ่อผมเกือบจะเสียสติ ตัวผมเองเกือบจะบ้าไปแล้ว

ดูเพื่อนคนนี้จะอึดอัดกับปัญหาในครอบครัวตนเองมาก ไม่ทันที่ผมจะถามอะไร เขาก็เล่าต่อไปอีกว่า


ผมเกิดมาเป็นลูกคนเดียว จากครอบครัวที่ถือได้ว่าร่ำรวยพอสมควร ผมไปศึกษาต่อที่อียิปต์ ก็ด้วยทุนจากทางบ้าน ในปีแรกที่ผมไปเรียนที่นั้น ผมสอบได้ระดับญัยยิด ซึ่งมีไม่มากนักที่นักศึกษาจากต่างชาติจะสามารถทำคะแนนได้ระดับนี้

และในปีที่สอง ผมก็ได้ไม่น้อยกว่าปีแรก ทำให้เจ้าของบ้านที่ผมเช่าอยู่ เขาประทับใจในตัวผม และเชิญผมไปกินข้าวที่บ้านเขา ในทุกครั้งที่เขาว่าง เขาก็จะเชิญผมไป และตรงนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้จักกับลูกสาวเขา

ครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอผมก็ตะลึงเลย เพราะเธอสวยมาก สวยอย่างที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนสวยอย่างนี้มาก่อนเลย แต่เธอไม่คลุมผมนะอย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นผมคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมต้องแต่งงานกับเธอคนนี้ให้ได้

และผมก็ไม่ได้ตบมือข้างเดียว เมื่อเธอคนนั้น ก็มีใจให้กับผมด้วย และเมื่อเรื่องนี้ได้รู้ถึงพ่อของเธอ พ่อเธอก็เรียกผมให้ไปคุย โดยบอกว่า ให้ผมเลิกติดต่อกับลูกสาวเสีย หรือไม่ถ้าคิดจะรักกันจริงๆ ก็ขอให้ นิกาห์ให้จบๆ ไปเลย แน่นอนว่า ผมต้องเลือกทางที่สองคือ นิกาห์

เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงเพื่อนๆ ทุกคน ต่างก็ท้วงติงในเชิงไม่เห็นด้วย โดยพวกเขาบอกให้ผมเลือกผู้หญิงในประเทศจะดีกว่า ทั้งกริยามารยาทที่เรียบร้อย การแต่งกายก็มิดชิด.

ในตอนนั้นผมรู้สึกรังเกียจเพื่อน ผมคิดว่าพวกเขาคงจะอิจฉาผม

ในส่วนของผม ยังไงๆ ผมก็ไม่เปลี่ยนใจ ผมต้องแต่งงานกับเธอให้ได้ และผมก็ได้แต่งงานกับเธอจริงๆ โดยมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว

นอกจากมะฮัรที่สูงมากแล้ว ผมต้องซื้อบ้านใหม่ให้เธอ ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านให้ดูหรูหรา และงานแต่งก็ต้องจัดในโรงแร


ในฐานะที่เป็นลูกคนเดียว ทางบ้านผมแม้จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่เมื่อผมยืนกรานจะเอาให้ได้ ทั้งพ่อและแม่ก็จำต้องยอม แม้ว่าต้องขายทรัพย์สินบางส่วนจากทางบ้านไ

และเมื่อจบปริญญาตรี ผมก็ชวนเธอกลับบ้าน โดยขอให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดที่ผมซื้อให้เธอในอียิปต์ แต่เธอยืนกรานไม่ยอมขา

เมื่อกลับบ้าน ผมได้สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในขณะที่เธออยู่บ้านทำหน้าที่ดูแลลูกอย่างเดีย

ช่วงปีแรกที่กลับมาอยู่บ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร เธอขออะไรผมสนองให้ทั้งหมด และทุกปีผมต้องพาเธอกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่อียิปต์


แต่เมื่อได้ลูกคนที่ 3 ชีวิตครอบครัวของผมก็ต้องลำบากมา

มื่อมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้เท่าดิม และเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง วิถีการดำรงชีวิตเลย เธอไม่เคยประหยัด เธอคิดอยากได้อะไรผมต้องซื้อให้ เพราะหากมิเช่นนั้นเธอก็จะโวยวาย จะอยู่ไม่เป็นสุข ทำเอาบ้านเกือบจะพังไป เธอก็ไม่เคยแคร์ใคร แม้แต่ผมซึ่งเป็นสามี

เมื่อรายได้ไม่เพิ่ม ผมก็ต้องทำงานอื่นเสริม ผมไปทำธุรกิจด้วย โดยขอให้พ่อและแม่ได้ขายทรัพย์สินที่มีเพื่อทำทุน แต่ก็ไม่ประสบความ สำเร็จเลย

เมื่อไม่มีช่องทางใด ๆ ในการเพิ่มรายได้ ผมก็ต้องขอจากพ่อและแม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ขายที่ดินแปลงสุดท้าย เพื่อเพิ่มทุนทำธุรกิจต่อให้ได้ แม้ท่านทั้งสองจะเสียใจแต่ก็ไม่เคยปฏิเสธผม

ชีวิตผมตกอยู่ในภาวะที่ลำบากมาก แต่เธอก็ไม่เคยสนใจใดๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว เธอยังคงเป็นเธอเหมือนเดิม ที่ผมต้องสนองทุกอย่างที่เธออยากได้ หากมิเช่นนั้น บ้านก็จะกลายเป็นนรก

ผมขอให้เธอขายเครื่องประดับที่ผมซื้อให้ออกไปบ้างในบางส่วน เธอปฎิเสธ และเธอก็จะเปรียบเทียบชีวิตเธอกับญาติๆ ของเธอที่ได้สามีเป็นชายอียิปต์ ที่เธออ้างว่ามีความสุขสบายกว่าเธอ

- ยังมีต่อ -



No comments: