Thursday, July 13, 2006

โง่นักหรือฉันนี่


ฉันเป็นลูกสาวคนโตของบ้านนี้ จากพี่น้องทั้งหมด 3 คน ฉันเป็นคนที่เรียนเก่ง และใคร ๆ ก็พูดว่าฉันเป็นคนที่น่ารัก และเรียนเก่งกว่าใครๆ . ตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วที่ทุกคนต่างทึ่งในความสามารถด้านการเรียนรู้ของฉัน หลังจากจบชั้นประถม ฉันก็สามารถเข้าไปเรียนต่อในระดับมัธยม ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวจังหวัด และพักในหอพักที่ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ให้

ฉันรู้ดีว่าทั้งพ่อและแม่ รวมทั้งน้อง ๆ ภูมิอกภูมิใจในตัวฉันเป็นอย่างมาก ฉันเป็นเด็กคนแรกในหมู่บ้านนี้ ที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนี้. และการได้เข้าพักในหอพัก ทำให้ฉันได้รู้ถึงอิสรภาพ และความสุขที่แท้จริงสำหรับชีวิตฉัน. ที่นี้ ฉันจะไปใน กับใครก็ได้ ซึ่งผิดกับชีวิตฉันเมื่อตอนอยู่ที่บ้านที่ทุกย่างก้าวของฉัน ต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่โดยตลอด จะไปไหนก็ต้องมีพ่อหรือแม่ไปด้วย แม้แต่การเข้าตลาดเพื่อเดินหาซื้อสิ่งของ ฉันก็ไม่สามารถไปคนเดียวได้

ในโรงเรียนแห่งใหม่นี้ ฉันได้เรียนรู้การเข้าสังคม ฉันมีเพื่อนสนิท 3 คน ชื่อนา และซู ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดก้าวแรกในชีวิตฉัน เขาทั้งสองชักนำฉันให้ลิ่มลองการสูบบุหรี่ พวกเขาลักลอบนำบุหรี่เข้าห้องพัก ซึ่งถือเป็นการท้าทายต่อกฎระเบียบของโรงเรียน แต่ก็ไม่มีใครสงสัยในตัวฉัน เพราะใคร ๆ ต่างก็มองว่าฉันเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาทมาโดยตลอด แถมยังเรียนเก่งติดอันดับ 1 ของห้อง เด็กผู้ชายในห้องฉันต่างก็ให้ความเอ็นดู และพร้อมให้ความช่วยเหลือฉันทุกอย่าง เพราะในกลุ่มฉันทุกคนต่างก็หน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น.

ฉันเริ่มคบกับเพื่อนชายคนหนึ่ง เขามีหน้าตาที่ดีมาก แถมยังรวยอีกต่างหาก เขาให้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ ฉันจึงไม่มีปัญหาในด้านการเงินเลย แม้ฉันจะมาจากครอบครัวที่ยากจนในชนบท ของใช้ทุกอย่างที่เพื่อน ๆ ในโรงเรียนฉันเขามีกัน ฉันก็สามารถมีได้

พฤติกรรมของฉันเริ่มเละเทะลงทุกขณะ แต่ถึงกระนั้น ผลการสอบของฉันก็อยู่ในขั้นที่ดีเลิศ เหนือกว่าคนอื่นอยู่ดี แต่เพื่อนชายของฉันคนนั้น เขาสอบไม่ผ่านในเกือบทุกวิชา จนในที่สุดเขาก็รู้สึกอับอาย และย้ายเข้าไปเรียนในโรงเรียนอื่น ซึ่งมาตรฐานต่ำกว่า ฉันเริ่มรู้สึกสับสน เพราะชีวิตฉันตอนนี้ได้ขาดหลักพึ่งพิงแล้ว.

ในช่วงนี้ ทุกปลายสัปดาห์ ฉันจะไปเที่ยวในตัวเมืองและบังเอิญได้รู้จักกับวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่ง ทุกคนมีมอเตอร์ไซค์ขับขี่โฉบเฉียวไปมา โดยไม่รอช้าฉันก็เข้าไปร่วมในแกงค์นี้ด้วย ฉันรู้สึกมีความสุขเหลือกิน ฉันได้ไปไหนต่อไหน สุดแต่ใจจะคิด ตอนนี้ฉันเริ่มหนีเรียน และเริ่มปีนกำแพงออกจากหอพักในยามค่ำคืนเพียงเพื่อให้ได้ออกไปพบกับชายในกลุ่มนั้น ฉันจับคู่กับชายที่ชื่อซัน แม้หนุ่มคนนี้จะเทียบไม่ได้กับเพื่อนชายคนแรกของฉัน แต่หนุ่มคนนี้เขาก็เก่งมาก เขาพาฉันไปเที่ยวได้ทุกที่ แม้แต่ในไนท์คลับ ในวันแรกที่เขาพาฉันมาที่นี่ ฉันรู้สึกกลัวและเบื่อหน่ายมาก แต่ชั่วเวลาไม่นานฉันก็รู้สึกสนุกและประทับใจมากกับสถานที่เช่นนี้ แต่ฉันก็ระวังตัวเองมากฉันไม่ยอมดื่มของมึนเมาทุกอย่างแม้เพื่อนฉันจะขยั้นขยออย่างไร ฉันก็ไม่ยอม ฉันกลัวจะพลาดและถูกเขาทำมิดีมิร้าย ยังไง ๆ ฉันก็ต้องรักษาเกียรติยศในตัวฉัน ตัวฉันก็ต้องสำหรับคนที่จะมาเป็นสามีฉันซิ ฉันคิดอยู่ในใจ
ผลการเรียนของฉันเริ่มตกต่ำลง สำหรับของเพื่อนๆ ฉันก็ไม่ต้องพูดถึง เขาแย่กว่าฉันแน่นอน ก็เขาโง่กว่าฉันนิ การบ้านทุกอย่างเขาก็ลอกจากฉันมาโดยตลอด เมาะห์ กับ เปาะห์ของฉันเริ่มรู้ระแคะระคายในพฤติกรรมของฉัน ทั้งสองคนเสียใจมาก ฉันเห็นเมาะห์ร้องให้ ฉันสงสารแม่ ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก.

ฉันเข้าไปเรียนในสายอาชีพ ในสถาบันการศึกษาเอกชนแห่งหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้มีโอกาสสนิทสนมกับผู้ชายในเครื่องแบบคนหนึ่ง ดูเขาสมาร์ทมากเลย และเขาก็ชักนำให้ฉันต้องเข้าไนท์คลับอีกครั้งหนึ่ง ฉันคิดว่าเขาคงจะเป็นคนดี แต่ก็ผิดคาดเพราะเขาดื่มเหล้า และพยายามพาฉันไป... แต่ฉันไม่ยอม ไม่ได้หรอกตัวฉันต้องสำหรับผู้ที่จะมาเป็นสามีฉันเท่านั้น ฉันคิดอย่างนี้มาโดยตลอด.

แต่ฉันก็อดทนได้ไม่นาน หลังจากฉันเลิกกับชายในเครื่องแบบคนนั้น ฉันก็ได้คบกับเพื่อนชายในสถาบันเดียวกันกับฉันชื่อ มีน แต่คน ๆ นี้ก็ยิ่งกว่าคนเก่า ๆ อีก เขาพยายามเหลือเกินที่จะทำอะไร ๆ กับฉัน เขาพูดกับฉันว่า "ก็เห็นเธอสูบบุหรี่ ไปเที่ยวไนท์คลับ จะไม่เคยเรื่องเหล่านั้นเลยหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก"
ฉันสาบานว่า ฉันไม่เคยมีพฤติกรรมเลยเถิดถึงขนาดนั้น เพื่อน ๆ ฉันบอกกับฉันว่า "ลองหน่อยเถิดน่า รับรองจะติดใจ"
ฉันไหวหวั่นใจ และเริ่มจะคล้อยตามเพื่อนแล้ว และแล้วฉันก็ตกลงไปสู่ห้วงลึกแห่งอารมณ์ตนเอง ฉันมัวเมาอยู่ภายใต้อ้อมกอดของมีน และแล้วฉันก็เป็นของเขา มีนบอกกับฉันว่า รู้แล้วว่าฉันเป็นคนแรกของเขาจริง ๆ เขาสัญญากับฉันว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง.

ฉันรู้สึกสับสนกับตัวเอง ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ไม่รู้จะหันไปทางใด ฉันคิดถึงแม่ ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าแม่ ฉันรู้ซึ้งถึงความผิดหวังของแม่ ฉันเจ็บปวดมากที่ได้เห็นน้ำตาของแม่ แต่แม่คงไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นอย่างนี้แล้ว.

ฉันกับมีน ได้เจอกันบ่อยครั้งขึ้น เพื่อนๆ ฉันบอกว่าระยะหลังนี้ไม่เห็นมีนออกไปใหนกับคนอื่นเลยนอกเสียจากฉัน เขาคงจะจริงใจต่อฉันมาก แต่ในแกงค์ฉันคงไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันได้เสียท่าให้เขาแล้ว. ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายและเจ็บปวด กับชีวิตตนเอง ฉันสับสนและท้อแท้ สิ้นหวัง.........

แต่มีนก็มาหาฉันโดยตลอด และทุกครั้งที่มาหา ก็ต้องชวนฉันไปข้างนอก และทุกครั้งที่ไปข้างนอกฉันก็ต้องพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ของตนเองทุกที ฉันตกเป็นของเขาทุกครั้งตามแต่เขาจะปรารถนา.
ฉันต้องยอมกับเขาอย่างนี้ตลอดไปเลยหรือ ..? ฉันต้องยอมปล่อยอารมณ์ตนเองให้อยู่ภายใต้การชักใยของนัฟซูซาตานนี้อีกนานเท่าไร ? ความสุขเพียงชั่วครู่ ชั่วยาม ที่เขามอบให้กับฉันมันเทียบกันไม่ได้เลยกับความทุกข์ระทมที่ฉันต้องเผชิญเพียงเดียวดายนับจากนั้น.
แม้ฉันจะไม่เคยหลั่งน้ำตาให้กับใคร แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากอก และฝังแน่นอยู่ข้างใน มันช่างเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งไปกว่าน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มใครต่อใครหลายเท่านัก .

ชีวิตฉันในอดีต ถึงแม้จะเละเทะเพียงใด ฉันก็ไม่ทิ้งการละหมาด แต่หลังจากรู้จักกับมีน และปล่อยตัวให้กับเขา ฉันก็เริ่มทิ้งละหมาด ฉันไม่มีกำลังใจใด ๆ แม้แต่จะลุกขึ้นปฎิบัติศาสนกิจสำคัญที่ชีวิตฉันไม่เคยขาดเลย อนาถหนอชีวิตนี้ ...!

ทำไมฉันจึงต้องจมปลักอยู่ภายใต้นัฟซูเถื่อนเช่นนี้ ? ทำอย่างไรฉันจึงจะสามารถเอาชนะตนเองให้เป็นเด็กดีและฉลาดเช่นเดิมได้ ? ทำไม..ทำไม ...? มีนมาหาฉันอีกแล้ว และโดยพลันที่ได้เห็นหน้าเขา ฉันก็ไม่มีกะจิตกะใจใด ๆ ที่จะปฏิเสธการร้องขอ และแล้วชีวิตฉันก็ต้องตกอยู่ภายใต้ม่านใยแห่งซาตานอีกตามเคย.

ฉันอยากจะเลิกกับเขา ฉันอยากจะหนีห่างจากเขาไปให้ไกลที่สุด แต่ใครจะช่วยฉันได้ ?

No comments: