Wednesday, December 18, 2024

#ความรักอันธรรมดาๆ จากผู้ชายผู้สุดแสนจะธรรมดา
 

 
ใกล้ถึงวันสำคัญของเธอ หญิงสาวผู้มีชื่อเรียกว่านานี ก็ยังคงยากที่จะอธิบายเหตุผลว่าทำไมเธอถึงอยากแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น 
 
จนกระทั่งเธอมองย้อนกลับไปในวันเวลาที่ผ่านมา หญิงสาวคนสวยจึงตระหนักได้ว่าความสงสัยที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ของเธอเพียงคนเดียว แต่เป็นของใครหลายคน รวมทั้งพ่อและแม่, พี่ๆ, เพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ ของนานี พวกเขาล้วนแปลกใจไม่ต่างกัน 
 
ทำไม? พวกเขาถามขึ้นในวันที่นานียื่นซองการ์ดเชิญให้
ตอนนั้นเพื่อนสนิทของนานีกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหาร เพลิดเพลินกับช่วงเวลาหลังการสอบ บรรยากาศยามบ่ายในมหาวิทยาลัยเงียบสงัด ทุกสายตาหันมามองเธอ 
 
อยู่ๆ แก้มของนานีก็แดงเรื่อ ดวงตาเป็นประกายราวกับหลอดไฟ 15 วัตต์
หัวใจของเธอวุ่นวายพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คงจะกระจัดกระจายอยู่ในหัวจนเกินจะรับไหว ปากของนาเนียอ้าออก ทุกคนรอคอย แต่ไม่มีอะไรออกมาจากตรงนั้นเลย เธอเพียงแค่สูดหายใจ ลองจะพูด แต่กลับตระหนักว่าเธอไม่มีคำใดๆ เลย! 
 
ครั้งหนึ่งหญิงสาวลูกครึ่งผู้เฉลียวฉลาดเคยคิดว่าเธอมีคำตอบมากมาย มีเหตุผลที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจงว่าทำไมถึงยอมแต่งงานกับชายคนนั้น แต่เหตุการณ์ในมหาวิทยาลัยครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่นานีพูดไม่ออก
ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อนตอนที่นานีบอกความต้องการของรัมลีที่จะมาสู่ขอเธอ 
 
ในงานรวมญาติของครอบครัวนานีถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะทุกคนมารวมตัวกัน แม้กระทั่งรุ่นที่สามก็อยู่ด้วย เนื่องจากพี่สาวที่แต่งงานแล้วต่างก็พาลูกๆ มาด้วย 
 
"เธอต้องล้อเล่นแน่ๆ!"
นานีตกใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่สาวคนโต ตามมาด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกันจากพี่สาวคนที่สอง สาม และสุดท้ายจากพ่อแม่ ทำให้นาเนียสรุปได้ว่าพวกเขาคิดจริงๆ ว่านานีพูดเล่น
บรรยากาศพลันเงียบสนิท แม้กระทั่งหลานตัวน้อยของนานีก็มองมาด้วยความตกตะลึงพร้อมกับฟันหลอๆ ทุกสายตาจับจ้องมาที่นานี! 
 
"นานีพูดจริง!" เธอยืนยันเสียงหนักแน่น พลางสงสัยว่ามันตลกตรงไหนถ้ารัมลีจะมาสู่ขอเธอ
"มันไม่ใช่เรื่องตลก" พ่อพูดด้วยเสียงจริงจัง
"พ่อแค่ไม่คิดว่ารัมลีจะกล้าขอลูกสาวที่สวยที่สุดของพ่อ!"
นานียิ้ม โล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะคำพูดของพ่อดูเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี แต่การคาดเดาของนานีกลับไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะหลังจากนั้นทุกสายตาก็ยังคงจับจ้องมาที่เธอราวกับผู้ต้องหาที่กำลังถูกไต่สวนอยู่ในศาล 
 
"แต่ลูกไม่ได้จริงจังกับรัมลีใช่ไหม?" แม่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจตามแบบฉบับของแม่ "แม่หมายถึง ใครๆ ก็สามารถมาสู่ขอใครก็ได้ แต่คำตอบไม่จำเป็นต้องใช่เสมอไป ไม่ใช่เหรอ?"
นานีตะลึง
ทำไม?
"เพราะลูกเป็นลูกสาวที่สวยที่สุดของพ่อ" 
 
"เพราะลูกเก่งที่สุดในพวกเรา ตั้งแต่การประกวดต่างๆ ไปจนถึงการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ลูกยังชนะการโต้วาทีภาษาอังกฤษ ชนะการอ่านบทกวีระดับจังหวัด เสียงของลูกก็เพราะ!"
"เพราะอนาคตของลูกสดใส อีกไม่นานลูกจะได้เป็นวิศวกร ความสามารถอื่นๆ ของลูกก็โดดเด่น ลูกนานี ลูกเลือกผู้ชายคนไหนก็ได้ที่ลูกต้องการ!"
นานีมองพวกเขา คนที่เธอรักที่สุด พ่อ, พี่ๆ และสุดท้ายแม่ เธอประหลาดใจกับคำพูดยาวเหยียดเหล่านั้นที่เกิดขึ้นจากคำถามสั้นๆ เพียงคำเดียวว่า ‘ทำไม’ 
 
#นานีแค่ต้องการรัมลี" เธอตอบสั้นๆ น้ำตาคลอเบ้า
วันนั้นเธอรู้ว่าครอบครัวของเธอไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่เกลียดรัมลีมาก ระดับที่เรียกได้ว่าเกินเยียวยา
แต่ทำไมล่ะ? 
 
#เพราะรัมลีเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา จากครอบครัวธรรมดา การศึกษาธรรมดา บุคลิกธรรมดา งานธรรมดา และเงินเดือนก็ธรรมดาสุดๆ
พี่ๆ ทั้งสามของนานีพยายามผลัดกันทำให้เธอเข้าใจ
"ไม่มีอะไรให้ดูเลยนะ นานี!"
"พอเถอะ!"
นานีโกรธ เธอไม่เห็นด้วยกับการวัดคุณค่าของคนจากมาตรฐานทางโลก
แล้วศรัทธาล่ะ? แล้วความเชื่อล่ะ? ทำไมถึงตัดสินอนาคตของใครบางคนจากสิ่งที่เห็นในวันนี้อย่างง่ายดายขนาดนี้? 

 
แต่ก็น่าเสียดายที่นานีก็ยังคงไม่สามารถพูดอะไรออกมาเพื่อปกป้องรัมลีได้ บางทีอาจเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะปกป้องเขาอย่างไรดี เธอไม่มีข้อเท็จจริงหรือข้อมูลใดๆ ที่ทำให้รัมลีดู ‘พิเศษ’ สำหรับคนอื่น
นานีมีเพียงอุดมคติที่สร้างมาจากความรู้สึกที่นำพาเธอมาจนถึงอายุ 23 ปี และสัญชาตญาณของเธอยอมรับรัมลี อยู่ข้างๆ เขา นานีมีความสุข
สุดท้ายเขาทั้งสองก็แต่งงานกัน
***
หนึ่งปีหลังการแต่งงาน... (ยังมีต่อ)

Saturday, October 02, 2021

วัยรุ่นแห่งแบบอย่าง

 


วัยรุ่นผู้หวังเพียงถูกบันทึกชื่อบนฟากฟ้า 

เด็กหนุ่มผิมคล้ำผมหยิกอายุราว 18 ปี ยืนให้บริการผู้ไปละหมาดในมัสยิด  ในจุดที่น้อยคนนักสนใจจะทำ  เช่น จัดรองเท้าให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาด เก็บขยะ เป็นต้น 

วัยรุ่นคนนี้ ไม่เคยว่างเว้นจากภารกิจนี้ เขาอาสาไปทำอยู่เกือบจะทุกวัน โดยไม่มีใครใช้  

คนที่ผ่านไปเห็นรู้สึกเอ็นดู บางทีก็รู้สึกสงสาร เห็นใจ มอบเงินให้ แต่เขาไม่รับ แม้จะมีคนพยายามยัดเงินใส่กระเป๋า แต่เขาก็ปฎิเสธไม่รับเงินทุกกรณี 

วัยรุ่นคนนี้คือใคร เขาไม่ยอมแนะนำตัวเอง #แต่ก็ไม่พ้นการสืบรู้จากชาวเน็ต 

เขาคือลูกเศรษฐีในเมือง พ่อเป็นเจ้าของโรงแรมหรูและรีสอร์ท และมัสยิดที่ดูเด่นเป็นสง่าแห่งนั้น พ่อเขาก็ออกเงินสร้างเอง 

มัสยิดแห่งนี้ชื่ออัสสาอาดะห์ อยู่ที่ชีอาเตอร์ ซูบัง ชวาตะวันตก 

ลองไปที่นี้ จะได้เจอกับวัยรุ่นผู้สุดถ่อมตัวเองคนนี้ แม้จะเป็นลูกเศรษฐี แต่เขาไม่รีรอที่จะให้บริการ ดูแล ให้ความสะดวกต่อทุกคนที่เข้าในมัสยิด 

ไม่ละเว้น แม้แต่รองเท้าของคุณ เขาจะจัดวางเพื่อความสะดวกเมื่อคุณต้องออกมา 

และหวังทุกคนช่วยดูอาอ

Daud Abdulrahman 


ภาพ/ข้อมูล Tribunnews.com

Wednesday, June 16, 2021

#เธอฝันสวมชุดฮิญาบก่อนเป็นมุสลีมะห์ 
เธอคือเดซซี่ ฟรังซิสคา (Dessy Fransisca) หญิงเชื้อจีน อายุ 21 ปี เกิดที่เรียว 

ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเธอบอกว่าครอบครัวค่อนข้างหละหลวมมากกับเรื่องศาสนา (เดิม) 

เรื่องศาสนาเป็นเพียงการเข้าร่วมในพิธีการเฉลิมฉลองประจำปีที่สำคัญๆ เท่านั้น  เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลายในปี 2018 ครอบครัวให้ออกไปหางานต่างถิ่นเพื่อหารายได้ 

เธอโชคดีที่ได้งานด้านการท่องเที่ยวที่ บริษัท นำเที่ยวที่เกาะบาหลี 

ในขณะที่ทำงานบนเกาะแห่งธรรมชาติและแหล่งเริงรมย์ เธอมีแนวโน้มที่จะถูกลากเข้าสู่โลกแห่งงานยามค่ำคืน แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างแรงกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน 

ความวิตกกังวลต่างๆ มักหลอกหลอนเธอ จนต้องการออกจากวงสังคมเช่นนั้น มีหลายครั้งที่เธออยากจะหนีจากโลกแห่งความมืดมิด แต่มันก็เกี่ยวข้องกับงาน จนในที่สุด ความอดทนถึงขีดสุด เดซซี่ ก็ตัดสินใจลาออก ออกจากบาหลี 

ในฐานะคนว่างงาน เธอไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ หวังใช้ประสบการณ์จากงานท่องเที่ยวที่มีอยู่ คิดว่าคงหางานได้ไม่ยาก 

แต่โชคร้ายเมื่อมีการระบาดของโรคโควิด -19 เดสซี่จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด 

อยู่ได้ไม่นานก็ได้งานเป็นพนักงานธุรการในสถานประกอบการแห่งหนึ่ง แต่ทำได้ไม่นานบริษัทแห่งนั้นก็เลิกจ้าง ด้วยสาเหตุจากผลประกอบการไม่ดีนัก 

เธอจึงกลายเป็นผู้ว่างงานอีกครั้งหนึ่ง เงินออมที่มีเริ่มน้อยลงๆ จวนจะหมดแล้ว เธอรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังมาก จนคิดจะฆ่าตัวตาย 

แต่เธอยังโชคดี ที่มีเพื่อนสนิทคอยให้กำลังใจ ยามสิ้นหวังเพื่อนก็แวะเวียนมาหา 

#ฝันว่าตนเองในชุดคลุมศีรษะ เมื่อช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมาเธอฝันว่าตนเองอยู่ในชุดคลุมศีรษะ ในฝันนั้นเธอมองตนเองผ่านกระจก และยิ้มอย่างมีความสุข 

เธอมีความสุขกับรูปลักษณ์ของมุสลิมะห์ และเมื่อตื่นจากการที่นอน เธอก็ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อกับความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้น 

เธอเฝ้าแต่คิดถึงความฝันนั้น หรือว่านี่เป็นสัญญาณ ให้ต้องศึกษาอิสลาม 

ไม่ เธอไม่เคยคิดจะเป็นมุสลิม แม้จะมีเพื่อนที่เป็นมุสลิมหลายคนก็ตาม อีกทั้ง พ่อแม่คงไม่สามารถรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างแน่นอน 

แต่เธอก็ไม่ลืมความฝันนั้น จนสุดท้ายก็ไปเล่าให้เพื่อนมุสลิมฟัง เพื่อนเป็นผู้ชาย เพื่อนคนนั้นจึงบอกให้แม่ตนเองพาเดซซี่ไปหาอีหม่ามที่มัสยิด 

 พบอุสตาซก็อธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม หลายสัปดาห์ผ่านไป เดสซี่จึงตัดสินใจเข้ารับอิสลาม 

โดยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2021 เดซซี่กลับไปที่มัสยิดเดิมพร้อมกับแม่ของเพื่อนชายตนเอง และกล่าวซะฮาดะห์ในที่สุด 

หลังจากเปลี่ยนเป็นมุสลิมอย่างเป็นทางการ เธอก็เลือกสวมฮิญาบทันที และหมั่นศึกษาหาความรู้ทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง.

 ยังคงปกปิดสถานะอิสลามของตนเอง ช่วงนี้เธออาศัยในบ้านญาติ โดยไม่บอกกล่าวให้รู้ถึงศาสนาใหม่ของตนเอง และเมื่อเธอสวมฮิญาบ ญาติคนนั้นก็บอกให้เธอถอดออกเสีย เธอก็ทำตาม โดยจะสวมเฉพาะช่วงที่ลับตาญาติเท่านั้น 

แต่แล้วพวกเขาก็รู้ว่าเธอเปลี่ยนศาสนาแล้ว ญาติแสดงอาการไม่สบายใจ เธอก็ออกจากบ้านนั้น 

แล้วจะไปไหนต่อ จะเช่าบ้านอยู่ก็ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจไปหาเพื่อนคนเก่าที่เคยแนะนำเธอไปหาอีหม่าม เพื่อนคนนั้นจึงพาไปหาญาติที่มีบ้านเช่า โดยญาติของเพื่อนคนนั้นก็ต้อนรับเธออย่างดี ให้เธอได้อยู่บ้านฟรีๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่ความที่เพื่อนมุสลิมของเธอคนนี้เป็นผู้ชาย เธอไม่สบายใจเกรงจะถูกสังคมมองด้านไม่ดี อีกทั้งบ้านเพื่อนชายกับบ้านเช่าที่เขาให้อยู่ฟรีๆ ก็อยู่ไม่ไกลกัน 

เธอจึงคิดอยากย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังจากที่อยู่ได้แค่เดือนเดียว เธอจึงออกไปหาที่อยู่ใหม่ ที่ไกลจากเดิม.

จะเปิดเผยเรื่องนี้ให้พ่อแม่รู้ได้อย่างไร ปัญหาที่เธอประสบยังไม่จบ และเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย นั้นคือพ่อแม่ยังไม่ทราบถึงการเปลี่ยนศาสนาของตนเอง ถ้าบอกตรงๆ ให้รู้ทั้งพ่อและแม่รับไม่ได้แน่นอน อีกทั้งพ่อก็มีโรคประจำตัวด้วย หากรู้เรื่องนี้อาการคงกำเริบแน่ แต่การปกปิดเช่นนี้ย่อมไม่ดีแน่... 

เธอหาทางออกกับปัญหานี้ผ่านคนกลาง โดยให้ญาติที่ใกล้ชิด ที่สนิทกับพ่อเป็นคนช่วยบอกแทน และให้รู้ว่าการเป็นมุสลิมของตนเองไม่เกี่ยวกับการแต่งงานด้วย อีกทั้งตั้งแต่เล็กๆ เธอก็มีเพื่อนเป็นมุสลิม เคยลองถือศีลอดแล้วด้วย. 

เธอไม่บอกว่าหลังจากพ่อแม่รับรู้ถึงความเป็นมุสลิมของเธอ ทั้งสองมีปฏิกิริยาเช่นใด 

ปัจจุบันเธอพยายามท่องจำอัลกุรอาน จำซูเราะห์สั้นๆ ได้ และใช้สื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะยูทูบในการศึกษาศาสนาเพิ่มเติม 

และตั้งแต่เป็นมุสลิม ความเครียด และกังวลที่เคยกระทบต่อภาวะจิตใจเธอ ก็หายไป 

เธอบอกว่า หัวใจเข้มแข็งขึ้น ตั้งแต่เป็นมุสลิม ความหดหู่ สิ้นหวังที่เคยเป็นมา ก็หมดสิ้นไป เธอรู้สึกว่าชีวิตมีความสงบสุขมากขึ้น 

และเมื่อใดที่รู้สึกมีปัญหา เธอจะเอาน้ำละหมาด และทำการละหมาดทันที “ด้วยการละหมาด ทำให้เกิดความสงบ และในการละหมาด ฉันมักจะขอให้อัลลอฮ์ทำให้ฉันเข้มแข็งในความศรัทธาและมั่นคงในอิสลาม ยิ่งกว่านั้น ฉันเชื่อว่าอัลเลาะห์จะไม่ให้บททดสอบใดๆ เกินความสามารถของผู้ศรัทธาในพระองค์อย่างแน่นอน” เธอบอกปิดท้าย

ที่มา :  republika.co.id 

Friday, November 11, 2016

มิห์รอบ ที่มีรัก


ละครและความบันเทิงสามารถสื่อถึงเนื้อหาได้เร็วที่สุด ละครที่สร้างสรรค์ ย่อมเกิดผลในแง่ที่สร้างสรรค์
Dalam Mihrab Cinta ที่เขียนโดยฮาบีบุรเราะห์มาน เอล ซีรอญี ศิษย์เก่าอัซฮาร์ เขียนได้ดีมาก น่าอ่าน น่าติดตาม

แต่ตัวแสดงหลักคนหนึ่ง ได้เปลี่ยนศาสนาไปแล้ว

Sunday, October 16, 2016

ผู้ชายเรียกร้องความสนใจมากกว่าผู้หญิง



ผลจากการศึกษาของ องค์การด้านสุขภาพของผู้บริโภค The Engage Mutual ได้ผลสรุปว่า 57 % ของผู้ชาย ต้องการความใส่ใจและการดูแลเป็นพิเศษ ยามใดที่เกิดการเจ็บป่วย
และมีผู้ชายถึง 2 ใน 3 คน ที่มักชอบบ่น และแสดงอาการคร่ำครวญ


ผู้ชายมักรู้สึกว่า แม้แต่การเป็นหวัด ก็ประหนึ่งคนเป็นไข้ที่ต้องได้รับการดูแลแล้ว ปวดหัวเล็กน้อย ก็เสมือนคนเป็นไมเกรน

ผู้ชายต้องการคนมาดูแล คนมาให้ความใส่ใจ เหมือนเด็กเล็ก แต่ในขณะเดียวกันเขากลับต้องการให้ภรรยาทำหน้าที่ในครัว เฉกเช่นปกติอีกด้วย

ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ให้เหตุผลทางวิชาการเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นว่า มีสาเหตุมาจาก ยีน MicroRNAs ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับระบบสร้างภูมิคุ้มกัน ที่ออกมาจากโครโมโซมX

ผู้หญิงมักมีแรงต้านทานต่อการเจ็บปวด หรือการติดเชื้อ นั้นก็เพราะ มี สองโครโมโซมX ในขณะที่ผู้ชายมีเพียงหนึ่ง

ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติและนรีเวช มีความเห็นว่า สามีต้องการให้ภรรยาดูแลในยามเจ็บไข้ นั้นก็เพราะในช่วงวัย 20 ถึง 40 ปี ผู้ชายไม่ชอบไปหาหมอ

โดยทั่วไปผู้ชายมักเกี่ยงงอนเมื่อต้องไปพบหมอ ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดการเจ็บป่วย มักมีความกังวลมาก


ที่มา : babab.net

Friday, August 05, 2016

มุสลิมร่วมบูรณะวัดที่ถูกเผา

จากข่าวจลาจลจากเสียงอาซาน
ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดของวันเสาร์ที่ผ่านมา (30/7/16) จนเกิดการเผ่าวัดจีนไปหลายหลัง เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่ เมืองตันหยงบาลัย (สุมาตราอูตารา)

ล่าสุด มีมุสลิมจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมฟื้นฟูสถานการณ์ โดยการไปร่วมซ่อมแซม ปัดกวาดทำความสะอาดให้กับวัดที่ถูกเผา

ในทางคดี ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นมือเผาวัดจีนไปแล้ว 30 กว่าคน

ข่าวก่อนหน้านี้
https://facebook.com/groups/422133821263587?view=permalink&id=933731733437124

Thursday, August 04, 2016

คนที่มีเกียรติ

จงรู้เถิดว่า ....คนที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเรา หาไช่ เพราะคนที่รวยที่สุด

ไม่ไช่เพราะมีภาพลักษณ์ที่ดูดีกระฉับกระเฉง

ไม่ไช่เพราะเขาหล่อ หรือเธอสวย

หากแต่อยู่ที่ความรู้สึกรักและยำเกรงต่อองค์ผู้ทรงสร้าง.

ริสกีที่แสวงหาก็จะเกิดความง่ายดาย เพียงพอ

และเมื่อใดที่ถึงเวลาหาคนหมั้นหมายเคียงคู่ในชีวิต "ความยำเกรง" จะเป็นมาตรฐานขั้นสูงสุด สำหรับเขาหรือเธอคนนั้น

Daud Abd.Rahman