Wednesday, November 01, 2006

หยดน้ำตา หยาดน้ำคำ จากเจ้าสาวในคืนแรก (4)


ในห้องของฉัน ซึ่งฉันเป็นคนจัดเองทั้งหมด ฉันดูแล้วก็สวยงามใช่ย่อยเลย ฉันอดจะภูมิใจในฝีมือของตนเองไม่ได้

และห้องนี้ก็คือห้องของฉันกับเขาในคืนแรกนี้ คืนที่น่าจะเป็นคืนที่สวยงามที่สุดและพิเศษที่สุดสำหรับชีวิตของสามีภรรยา ในคืนแรกของฉันกับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี

ฉันรู้สึกกลัว และ รู้สึกใจเต้นไม่เป็นปกติ พะวักพะวงกับสิ่งที่ต้องเป็นไป ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

และแล้วเสียงเคาะประตูห้องฉันก็ดังขึ้น ซึ่งก็เพิ่มความรู้สึกพะวักพะวง ตื่นเต้นและตกใจสำหรับฉันมากขึ้น

แน่นอนคนที่เข้ามาก็ไม่ไช่ใครที่ไหน หากแต่เขา สามีฉัน “เชิญเข้ามาประตูไม่ได้ล๊อค” ฉันบอกเขาไป

เขาเข้ามาและปิดประตูห้องเบาๆ แล้วก็ลงนั่งใกล้ฉัน

คำแรกที่เขาเอ๋ยกับฉัน “ทำไมดูซึมเศร้า ไม่ดีใจหรือที่ได้อยู่กับบัง”

ฉันทำได้แค่ส่ายหัว เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่เขาก็พยายามคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้

สุดท้ายฉันก็ตอบไปว่า “อานีกลัวบัง”

เขาเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น และเอาลูบไล้ผมของฉัน “มีอะไรที่ทำให้ต้องกลัวจากบังหรือ? เราจะต้องช่วย และร่วมมือกันเพื่อครอบครัวสากีนะห์”

เขาพยายามปลอบประโลมฉัน ฉันตอบเขาไปว่า “อานีกลัวว่าอานีไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของบังได้ อานีอ่อนแอในหลายๆ อย่าง อานีคิดว่าซักวันหนึ่งบังจะรับอานีไม่ได้ อานีกลัว....”

ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเขาก็เอานิ้วมาแตะปากฉัน ไม่อนุญาตให้ฉันได้พูดอีกต่อไป

“ยาฮาบีบี วันนี้อานีในฐานะภรรยาของบัง บังรับในทุกอย่างจากอานีเท่าที่อานีมี บังรับทุกอย่างจากสิ่งดีในตัวของอานี ซึ่งก็เท่ากับที่บังต้องรับทุกๆ อย่างจากความอ่อนด้อยในตัวของอานี จึงอย่าได้คิดอะไรมากเลยกับเรื่องของชีวิต และอย่าได้กังวลว่าบังจะไม่พอใจใดๆ กับอานี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และแสดงความใส่ใจอย่างสุดซึ้ง และฉันก็สนองตอบในสิ่งที่เสนอมา

“อานี บังต้องขอไปอาบน้ำก่อน เพราะรู้สึกเหนียวตัว” เขาบอกกับฉัน และฉันก็ลุกขึ้นไปเอาผ้าขนหนู และผ้าโสร่งในตู้ หยิบให้เขาเขารับผ้าขนหนูไป ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก่อนที่เดินเข้าห้องน้ำ เขาก็ก้มลงหอมแก้มฉันอีกครั้งหนึ่ง

คืนนี้ท้องฟ้าไม่แจ่มใส ก้อนเมฆหนาทึบบดบังทั้งแสงจันทร์และดวงดาว เสียงสัตว์กลางคืนเงียบหายไป มีแต่เสียงฟ้าร้อง จากที่ไกลๆ ผ่านห้องฉันเข้ามา อีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้กับผืนดินและทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้

ฉันเพ่งพินิจไปในทุกส่วนของห้องนอนของฉัน ที่ฉันจัดและตกแต่งด้วยตนเองเท่าที่ความสามารถของตัวเองทำได้ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องน้ำฉันได้จัดเตรียมชุดนอนให้เขา และฉันเองก็เปลี่ยนชุดแต่งกายของตนเองรอสามี ด้วยใจที่เต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ

แล้วซักครู่เขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เขายิ้มมายังฉัน แล้วพูดว่า “โอ้ฮาบีบี ช่วยเอาน้ำให้บังซักแก้วซิ หิวน้ำเหลือเกิน"

ฉันหยิบชุดนอนให้กับเขา แล้วออกไปเอาน้ำจากในห้องครัว ฉันเหลือบไปดูนาฬิกาบนเพดาน ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

เมื่อเข้าห้องอีกครั้งหนึ่ง ฉันเห็นเขานั่งดุอาอบนสาญาดะห์ ด้วยถ้อยคำบางอย่างทีฉันไม่สามารถได้ยินได้

ฉันนั่งรอเขาบนเตียง รอจนกว่าเขาจะดุอาอเสร็จ และเมื่อเสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นมานั่งชิดกับฉัน แล้วฉันก็ยื่นแก้วน้ำให้กับเขา

“บัง...” ฉันเรียกเขา “มีอะไรหรือ” เขาตอบกลับ ฉันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และเขาก็จับจ้องมายังฉัน และใช้สายตาเพื่อคาดคั้นให้ฉันพูดออมาให้ได้

“คืนนี้บังจะ...จะ..” ฉันรู้สึกขัดเขินใจอย่างยิ่งที่จะพูดต่อให้จบ

“จะอะไรหรือ” เขาถามฉัน

“โอ้บังนิ..” ฉันรู้สึกอายตนเอง เมื่อคิดว่าเขาคงอ่านความคิดของฉันออกแล้วแล้วเขาก็กระซิบข้างหูฉันว่า
“ไช่ซิ คืนนี้ จะเป็นคืนที่พิเศษที่สุดสำหรับเราสองคน”

ฉันทำได้เพียงผงกหัวเบาๆ ด้วยคิดอยู่ในใจว่าในฐานะภรรยา ก็ต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่เป็นความต้องการของสามี ฉันต้องพร้อมทั้งกายและใจเพื่อเขา ที่ไม่ขัดแย้งกับหลักซารีอะห์

“อัสสาลามูอาลัยกุม โอ้ประตูแห่งเราะห์มัต” เขากระซิบเบาๆ ข้างหูฉัน

และในทันใด ฉันก็ตอบเขาไปว่า “วาอาลัยกุมุสลาม สำหรับผู้ถือสิทธิที่มีเกียรติ”

ครั้งแรกในชีวิตฉันที่ได้ผ่านบรรยากาศในยามค่ำคืนกับคนที่เป็นสามี ตัวฉันคงเปรียบได้เสมือนท้องนา ที่เขาในฐานะผุ้ถือกรรมสิทธิ์ ที่มาปักและดำหว่าน...

ก่อนการแต่งงานฉันได้อ่านตำรับตำราที่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตคู่หลายต่อหลายเล่ม ฉันจึงพยายามที่จะทำให้สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มา นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ ฉันจะต้องเป็นภรรยาที่ดีที่สุดสำหรับสามีฉัน ฉันต้องทำให้สามีมีความสุขที่สุดที่ได้มาอยู่กับฉัน ฉันต้องเป็นเสมือนหนึ่งราชินีในบ้านที่ผูกพันทั้งกายและใจสำหรับผู้เป็นสามี

ท่านศาสดากล่าวว่า “ภรรยาที่ดีก็คือคนที่สามารถสร้างความสงบในสติอารมณ์ให้กับเจ้าได้ เมื่อเจ้าได้มองไปยังเธอ เธอต้องมีความภักดีต่อเจ้า เธอหมั่นดูแลและรักษาตนเอง และทรัพย์สินของเจ้าเมื่อเจ้าไม่อยู่”

ท่านศาสดาได้กล่าวไว้ว่า “เหล่าสตรีนั้นคือผู้ดูแลในบ้านของสามี และสิ่งนี้จะถูกถาม”

ท่านศาสดา ได้กล่าวไว้ว่า “ภรรยาที่ดีก็คือสิ่งที่ดีเลิศที่สุดเหนือสิ่งที่มีคุณค่าใด ๆ ในโลกนี้”

ท่านศาสดา ได้กล่าวไว้ว่า “แท้จริงแล้วสตรีที่ดี ก็คือสตรีที่สามารถให้ลูก สตรีที่ยิ่งใหญ่ในความรัก สตรีที่สามารถรักษาเรื่องราวภายในครัวเรือนได้ สตรีที่มีจิตใจอ่อนโยนกับทุกเรื่องราวในครอบครัว สตรีที่เคารพในตัวสามี สตรีที่หมั่นดูแลตนเองเพื่อสามี สตรีที่ควบคุมตนเองในการติดต่อใด ๆ กับชายอื่น....”

แท้จริงแล้ว การแต่งงาน และการมีครอบครัว หาไช่เป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ใครๆ สามารถทำเป็นเรื่องธรรมดา ได้ การแต่งงานถือเป็นการฮาลาล สำหรับสิ่งที่เคยหะรอมสำหรับก่อนหน้านั้น สิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจอย่างถึงแก่น ในครอบครัวจำเป็นที่จะต้องมีความอ่อนโยน โอนอ่อนผ่อนปรน และมีความเชื่อมั่นในระหว่างกัน ถ้าไม่ไช่เพราะสิ่งนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่คนทั้งสองเพศ ที่มาจากที่ต่างกัน บุคลิกภาพที่ไม่เหมือนกัน พื้นฐานทางการเลี้ยงดู การอบรม และการศึกษาที่ต่างกัน จะมาใช้ชีวิตร่วมกันได้

เพราะการดำรงชีวิตครอบครัว ก็ไม่ต่างอะไรกับการล่องเรือในมหาสมุทร ที่ไช่ว่าท้องทะเลจะราบเรียบตลอดเวลา บางช่วงบางตอนก็ต้องเจอกับคลื่นลมและมรสุม ...

ก่อนถึงวันนั้น อันเป็นช่วงจังหวะตอนที่สำคัญของชีวิต เราจึงต้องศึกษาในหลายๆ วิชาความรู้ ความรู้ที่เกี่ยวกับครอบครัว ความรู้ที่เกี่ยวกับการเป็นพ่อเป็นแม่ ความรู้ที่เกี่ยวกับจิตวิทยาของเด็ก ๆ ฯลฯ จึงอย่าได้มีใครที่คิดเรื่องนี้ แต่ไม่พร้อมที่รับผิดชอบในทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา และชีวิตของคนที่จะมาร่วมเคียงข้างเรา

เราอย่าได้คิดถึงเรื่องของการสนองนัฟซูอย่างเดียว เราต้องคิดถึงความรับผิดชอบที่จะต้องเกิดขึ้นทั้งในฐานะสามี ในฐานะภรรยา ในฐานะพ่อ และในฐานะแม่ เราสามารถรับผิดชอบในทุกเรื่องเหล่านี้ได้ไหม ซึ่งเป็นความรับผิดชอบทั้งในดนยาและต่อเบื้องหน้าของอัลเลาะห์ในวันอาคีเราะห์ความรับผิดชอบเหล่านั้น ถือเป็นอามานะห์ ที่ทุกคนมิอาจจะละเลยได้

No comments: