Friday, September 29, 2006

สำหรับคนสำคัญ

เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง ชีวิตก็มีความหมายแล้ว มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว พร้อมด้วยหัวใจคนละ 1 ดวง เมื่อ มนุษย์ 2 คนมาพบกัน เราจึงเรียนรู้ว่า 1 + 1 อาจจะยัง คงเท่ากับ 1 แต่ความโดดเดี่ยวนั้นหายไป ที่ เล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่โตไปกว่ากำปั้น ที่ทำให้เราอยู่รวมกันบนโลกใบนี้อวัยวะที่สะกดด้วยอักษรง่ายๆ ใช้แทนคำว่า "รัก" ได้เป็นอย่างดี

ความรัก ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
ความรัก ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
ความรัก ที่ทำเพื่อผู้อื่นเป็นความภูมิใจแบบเก็บไว้เอง
ความรัก ที่ทำเพื่อตัวเองนั่นไม่เรียกว่ารัก
ความรัก ที่คุณเจอในอดีตขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
ความรัก ที่คุณเจอในปัจจุบันขอให้สมหวังกันทุกคน
ความรัก ที่คุณจะเจอ ในอนาคตให้อธิษฐานกันเอาเองนะ

"ถ้าอ๊อกซิเจนทำชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้ ความรักก็ทำให้การมีชีวิตนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น"

เคยมั้ยที่จะมี คุณเคยมีคนแบบนี้ที่ไม่ ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือยัง? ตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร
เคยมั้ยที่จะมี...คนให้อภัยคุณทุกอย่าง
เคยมั้ยที่จะมี...คนอยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเสียใจ
เคยมั้ยที่จะมี...คนจดจำความเป็นคุณได้ทุกอย่าง
เคยมั้ยที่จะมี...คนยอมเสียสิ่งที่รักเพื่อคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...คนเห็นคุณสำคัญกว่าเพื่อน
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณอยู่ด้วยเฉย ๆ แล้วมีความสุข
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่มั่นใจในคำว่ารักของคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...ไม่อายเมื่อเดินข้างคุณ แม้คุณหน้าตาไม่ดีก็ตาม
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ทนคุณได้ไม่ว่า คุณจะด่า จะว่า เค้ ายังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนรับได้ในสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะมีคนมาว่าร้ายคุณยังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่เห็นความผิดของคุณเป็นเรื่องน่ารัก
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงเค้า แม้ว่าคุณไม่เหงาก็ตาม
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงคนแรก เมื่อคุณทุกข์ใจ
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณรู้ว่า เค้าช่วยให้คุณสบายใจได้
เคยมั้ยที่จะมี...คนแคร์คุณมากมาย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายเค้า ยังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ยังรักคุณแม้คุณไม่เห็นความสำคัญของเค้าเลย

ถ้าคุณเคยมีเค้าคนนี้อยู่จริง คุณควรถนอมเค้าไว้ให้ดี
ถ้าคุณสูญเสียเค้าไปคุณเองที่จะเป็นคนเสียใจ ความหมายของหัวใจ เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง ชีวิตก็มีความหมายแล้ว

Sunday, September 24, 2006

ดีหรือไม่ดี.....ยากที่จะบอก !!!!!

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้ มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆที่ แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า "ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก " และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า " ดี หรือไม่ดียากที่จะบอก " พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก

วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าพระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่าพระราชานิ้วขาด จึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ

พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า "ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก " เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่า และในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่

อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือ ไม่ดี บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้

สิ่งดีๆอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ ในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ........................................................... ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่า การใช้ชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย

Friday, September 08, 2006

บริบทชายหญิงในทางศาสนา

Photobucket - Video and Image Hosting

ผู้ชาย

การเป็นผู้ชายนั้นลำบากนัก มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากมาย อย่างน้อยๆ ก็ 4 ประการต่อไปนี้

1. ชายโสด ต้องรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อความผิดบาปทั้งหลายเมื่อบรรลุถึงวัยแห่งศาสนภาวะได้กำหนดไว้ ในขณะที่หญิงสาวโสด ผู้ที่ต้องรับภาระในความผิดบาปทั้งหลายทั้งปวงก็คือพ่อ

2. ชายที่แต่งงานแล้ว นอกจากต้องรับผิดชอบต่อความผิดบาปของตนเอง ก็ยังต้องรับผิดชอบต่อภรรยา ต่อลูกสาวที่ยังไม่แต่งงาน ต่อลูกชายในวัยก่อนบรรลุศาสนาภาวะ

3. ลูกชายต้องรับผิดชอบต่อแม่ แต่ถ้าไม่รับผิดชอบก็ถือเป็นความผิดบาปของเขา โดยเฉพาะลูกชายคนโต ในขณะที่ผู้หญิงไม่ต้อง ผู้หญิงเพียงแค่ต้องภักดีต่อสามี การทำดีต่างๆ ของภรรยาผลบุญที่ได้มา ก็จะเป็นเฉพาะสำหรับตัวเธอ แต่หากกระทำในสิ่งที่เป็นความผิดบาปใด ๆ สามีของเธอก็ต้องรับผิดชอบด้วย

4. สามีจะต้องให้นัฟเกาะห์ต่อภรรยา สิ่งนี้ถือเป็นวาญิบที่มิอาจจะละเลยได้ แต่ภรรยาก็มีสิทธิที่จะช่วยได้ แต่ก็เป็นที่ต้องห้ามสำหรับสามีที่จะเข้าไปก้าวล่วงต่อทรัพย์สินใดๆ ของภรรยา (เว้นเสียแต่จะได้รับอนุญาตเท่านั้น)

หาใช่แค่นี้ ยังมีอีกเยอะที่เป็นภาระของผู้ชาย โดยเฉพาะชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ถ้าเปรียบเทียบภาระที่ต้องรับผิดชอบระหว่างชายหญิง ต่อความผิดบาป ก็เปรียบได้เสมือนขุนเขา กับมดดำตัวเล็กๆ เท่านั้น

คงเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง ผู้หญิงจากทั่วทั้งโลกมักจะมีอายุยืนกว่าผู้ชาย ผู้ชายมักจะเสียชีวิตก่อนผู้หญิง อาจจะเป็นเพราะมิอาจจะแบกรับต่อความผิดบาปที่พอกพูนขึ้นทุกวันก็ได้

แต่ผู้ชายก็มีคุณลักษณะพิเศษของความเป็นผู้ชาย ที่อัลเลาะห์ประทานมา ซึ่งคุณผู้ชายก็น่าจะรู้ดี แต่หากไม่รู้ ก็ไปเป็นผู้หญิงดีกว่า...

ผู้หญิง

1. ผู้หญิงต้องรับผิดชอบในเอารัตของตนเองมากกว่าผู้ชาย
2. หญิงผู้เป็นภรรยาต้องขออนุญาตจากสามีก่อนออกจากบ้าน
3. สิทธิในการเป็นพยานมีน้อยกว่าผู้ชาย
4. สิทธิในมรดกน้อยกว่าผู้ชาย
5. ต้องรับภาระในการตั้งท้อง การคลอด ซึ่งมีทั้งความเจ็บปวด และความยากลำบากอย่างยิ่ง
6. ความภักดี (ตออัต) ต่อสามี ถือเป็นวายิบ
7. การหย่าร้าง ถือเป็นสิทธิเหนือสามี ในขณะที่ภรรยาไม่มีสิทธิ (มีสิทธิภายใต้เงื่อนไข)
8. ผู้หญิงไม่สามารถทำอีบาดะห์ ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งเพราะความมีประจำเดือน การคลอด ซึ่งข้อจำกัดนี้ ไม่มีในผู้ชาย

แต่คุณผู้หญิง เคยมองในด้านกลับกันไหม ?

สิ่งที่มีค่า สิ่งที่ควรทนุถนอม สิ่งที่มนุษย์หวงแหน มักจะถูกดูแลและเก็บรักษาอย่างดี เครื่องเพชร พลอย ทอง และอัญมณี อันล้ำค่าต่างๆ ไม่มีใครในโลกนี้ ตั้งไว้อย่างสเปะสปะ หรือทิ้งไว้ริมทางเหมือนขยะ นี้ก็เปรียบได้ดังเช่นผู้หญิงที่ดี ที่ย่อมไม่มีผู้ชายที่ไหน ปล่อยทิ้งไว้ข้างถนนรนแคม

ภรรยาต้องตออัตต่อสามี แต่ผู้ชายก็ต้องต่ออัตต่อแม่ เป็นความตออัตที่มากกว่าผู้เป็นพ่อถึง 3 เท่า แล้วคนที่เป็นแม่ไม่ไช่ผู้หญิงดอกหรือ

ผู้หญิงรับมรดก น้อยกว่าผู้ชาย แต่ทรัพย์สินใดๆ ในความครอบครองของผู้หญิง ก็จะเป็นสิทธิเฉพาะสำหรับตัวของเธอ ที่ผู้เป็นสามีไม่มีสิทธิจะไปก้าวล่วงได้ เว้นเสียแต่จะได้รับอนุญาต ในขณะที่ชายผู้เป็นสามี จะต้องหาทรัพย์สิน หรือใช้ทรัพย์สินของตนเองเพื่อดูแลภรรยา และลูก

ผู้หญิงต้องรับภาระที่หนักมากในการอุ้มท้องและการคลอดลูก แต่ทุกวินาทีแห่งการดูแลลูก และการคลอด เธอจะได้รับการดุอาอจากบรรดามาลาอีกะห์ และมวลมัคลูกของอัลเลาะห์ แต่ถ้าหากต้องเสียชีวิตจากการคลอด ความสูญเสียของเธอจะมีค่าเท่ากับผู้ที่เป็นซาฮีด ในขณะที่ความผิดบาปทั้งหลายของเธอก็จะได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะห์

ในวันอาคีรัต ผู้ชายคนหนึ่ง จะต้องรับผิดชอบผู้หญิงถึง 4 คน นั้นคือ ภรรยา แม่ ลูกสาว และพี่น้องที่เป็นผู้หญิง

ในขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ตัวเธอจะอยู่ภายใต้การรับผิดขอบ ของผู้ชาย 4 คน นั้นคือ สามี พ่อ ลูกชาย และพี่น้องที่เป็นผู้ชาย

ผู้หญิงสามารถเข้าสู่สวงสวรรค์ ในทุกช่องทางที่เธอพอใจ ภายใต้เงื่อนไขแค่ 4 ประการนั้นคือ

1. เธอต้องละหมาดให้ครบทั้ง 5 วักตู
2. ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
3. ภักดีต่อสามี
4. รักษาเกียรติยศของตนเอง

Saturday, September 02, 2006

เสี้ยวรำพึง (1)

Photobucket - Video and Image Hosting


Did you know that those who appear to be very strong in heart, are real weak and most susceptible?
คุณรู้ไหมว่าคนที่มองภายนอกดูจิตใจเข้มแข็งมากๆ แท้จริงแล้วเขานั้นแสนจะอ่อนแอและอ่อนไหว เป็นที่สุด


Did you know that those who spend their time protecting others are the ones that really need someone to protect them?
คุณรู้ไหมว่าคนที่ใช้เวลาของเขาปกป้องผู้อื่นนั้น เป็นคนที่ต้องการใครสักคนที่จะคอยปกป้องเขาเสียเหลือเกิน


Did you know that the three most difficult things to say are: I love you, Sorry and help me

คุณรู้ไหมว่าคำที่พูดยากมากที่สุด 3 คำ คือ ฉันรักเธอ ขอโทษ และ ช่วยฉันด้วย



Did you know that those who dress in red are more confident in themselves?
คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกายด้วยชุดสีแดง เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากกว่าคนอื่น


Did you know that those who dress in yellow are those that enjoy their beauty?
คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกายด้วยชุดสีเหลืองเป็นคนที่เพลิดเพลินกับความสวยความงามของเขา


Did you know that those who dress in black, are those who want to be unnoticed and need your help and understanding?


คุณรู้ไหมว่าคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำ เป็นคนที่ไม่ต้องการให้ใครคอยสังเกต และต้องการความ ช่วยเหลือและความเข้าใจจากคุณ

Did you know that when you help someone, the help is returned in two folds?
คุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณช่วยใครสักคน ความช่วยเหลือนั้นจะคืนกลับมาเป็น 2 เท่า



Did you know that it's easier to say what you feel in writing than saying it to someone in the face? But did you know that it has more value when you say it to their face?
คุณรู้ไหมว่า ช่างเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกกล่าวความรู้สึกด้วยการเขียนแทนที่จะบอกด้วยวาจากับใคร สักคนต่อหน้า แต่คุณรู้ไหมว่า มันจะมีค่ายิ่งกว่าเมื่อคุณได้บอกความรู้สึกนั้นด้วยวาจาต่อหน้าเขา


Did you know that if you ask for something in faith, your wishes are granted?
คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าคุณร้องขอบางสิ่งด้วยความศรัทธา คุณจะได้รับในสิ่งที่ปรารถนา


Did you know that you can make your dreams come true, like falling in love, becoming rich, staying healthy, if you ask for it by faith, and if you really knew, you'd be surprised by what you could do.
คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ เช่น การตกหลุมรัก กลายเป็นคนร่ำรวย อยู่อย่างมี สุขภาพแข็งแรง ถ้าคุณร้องขอในสิ่งนั้นด้วยความศรัทธา และถ้าคุณรู้อยู่แก่ใจ คุณจะรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้


But don't believe everything I tell you, until you try it for yourself, if you know someone that is in need of something that I mentioned, and you know that you can help, you'll see that it will be returned in two-fold.
แต่อย่าเชื่อในทุกอย่างที่ฉันบอก จนกว่าคุณจะได้ลองปฏิบัติดูด้วยตัวคุณเอง ถ้าคุณรู้จักใครสักคนที่ต้องการบ้างสิ่งอย่างมากดังที่ฉันได้บอกไปแล้วนั้น และคุณรู้ว่าคุณสามารถช่วยเขาได้ คุณจะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะตอบแทนกลับคืนมาอย่างทวีคูณ