รอมฎอน ว่าด้วยเรื่องสังคมและเศรษฐกิจ
มนุษย์
คือ หนึ่งในที่ถูกสร้าง (มัคลุค) ที่มีนิสัยโน้มนำไปทางการละเมิดขอบเขต ยิ่งสิ่งที่สอดรับกับอารมณ์นัฟซู และถ้าไม่ถูกควบคุมด้วยทางแห่งศาสนา
และ ศีลธรรมอันดีงาม มนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์
ด้วยเหตุนี้รอมฎอนจึงเป็นเดือนแห่งเกียติยศของมุสลิม
เดือนที่เราสามารถตักตวงผลบุญแห่งอีบาดะห์เป็นทวีคูณซึ่งในทุกอีบาดะห์จะผ่านไปได้ก็ด้วยการอดทน
และสู้กับอารมณ์นัฟซูอย่างยิ่งใหญ่
รอมฏอนจึงเป็นเดือนแห่งการอบรมขัดเกลาจิตใจมุสลิม
ให้อยู่ภายใต้ขอบเขตของหลักการศาสนาอีกทั้งการคำนึงถึงความรู้สึกของมนุษย์ผู้อื่น
รอมฎอนจึงไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการสร้างความใกล้ชิดกับผู้สร้าง(คอลิก)หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งความผูกพันรัดรึงแน่นแฟ้น
ระหว่างมัคลุคด้วยกัน ทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ
รอมฎอนจึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการยกระดับคุณภาพชีวิต
มาตรฐานทางศีลธรรม การสร้างสังคมแห่งความเกื้อกูล การมีช่องว่างทางเศรษฐกิจที่แคบลง
และชีวิตคนมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน
แต่โชคร้ายเมื่อรอมฏอนถูกใช้เพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้เป็นคอลิกแค่ส่วนหนึ่ง
ในขณะที่ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกลับเป็นไปอย่างเบาบาง
หนึ่งในพฤติกรรมที่ต้องใคร่ครวญอย่างมากก็คือ
พฤติกรรมในด้านการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอย ที่บ่อยครั้งล่วงเลยขอบเขตของความพอดีและความฟุ่มเฟือย ทั้งๆ ที่เดือนนี้คือช่วงแห่งการขัดเกลาจิตใจมุสลิม
ให้เป็นมนุษย์แห่งกอนาอะห์ หรือความพอเพียง มีการใช้สอยอย่างประหยัด ทรัพยากรถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ข้อเท็จจริงในสังคมมุสลิม ทุกวันนี้กลับเป็นตรงกันข้ามกัน
ยิ่งน่าเศร้าใจไปอีกเมื่อมีบางส่วนถือว่าเดือนรอมฎอน
คือช่วงแห่งเทศกาลความรื่นเริงมีความสุขและสนุกสนานกับการ ช็อปปิ้งจับจ่ายใช้สอยอย่างไม่ต้องคิด
ทั้งที่เป็นอาหาร เครื่องแต่งกาย ของประดับ ฯลฯ
วัฒนธรรมแห่งการซื้อทวีความเข้มข้นมากขึ้นยิ่งในช่วง
10 วันสุดท้ายของรอมฎอน ทั้งที่เป็นช่วงที่ต้องรีบเร่งการทำอีบาดะห์
ทำความดีและการบริจาคทาน แต่เวลาในช่วงนี้ทั้งหมดถูกใช้เพื่อการเดินตลาด
ซื้อเครื่องแต่งกาย ของใช้ใหม่ๆ ประดับประดาบ้านเพื่อต้อนรับอีดิลฟิตรี
ไม่มีข้อห้ามทางศาสนาในการซื้อของใช้และอุปกรณ์ใหม่ๆ
ทั้งสำหรับครอบครัวและสำหรับตนเอง หากแต่ยังส่งเสริมให้แต่งกายด้วยชุดที่ดี
และดูสวยงามในวันอิดิลฟิตรี
ท่านญาบีรได้กล่าว
“ท่านศาสดาจะแต่งกายในชุดที่ดีทีสุด
นั้นคือ ชุดญูบะห์ ซึ่งท่านจะแต่งเฉพาะสำหรับวันอิดิลฟิตรี และวันศุกร์”
แต่สิ่งที่มุสลิมต้องใส่ใจก็คือการหวนกลับสู่ค่านิยมตามแนวทางแห่งระบบเศรษฐกิจอิสลามอย่างแท้จริง
หนึ่งในแนวคิดนั้นก็คือการยึดสายกลางและความพอดี พอเพียง
การยึดสายกลางถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของอีบาดุลเราะห์มาน(บ่าวของพระเจ้า) ที่จะได้รับผลตอบแทนอย่างอเนกอนันต์ในอาคีรัต
ดังที่อัลเลาะห์ได้กล่าวไว้ในอัลกรุ-อาน
ความว่า “และบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาใช้จ่าย พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย
และไม่ตระหนี่ (คือพวกเขามิได้เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายในการใช้จ่าย เพื่อการกินการดื่มและการแต่งกาย และมิได้เป็นคนบกพร่องและหวงแหนจนกระทั่งกลายเป็นคนตระหนี่
) และระหว่างทั้งสองสภาพนั้น
พวกเขาอยู่สายกลาง” (อัลฟุรกอน : 67)
อิบนูกาษิร
ได้ให้คำอธิบายกับอายะห์ข้างต้นว่า
คนที่อัลเลาะห์อ้างถึงในอายะห์นี้หมายถึงคนที่ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือเกินความจำเป็น
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่มัธยัสถ์ หรือตระหนี่ถี่เหนียวมากจนเกินปกติ ทั้งสำหรับครอบครัว
เพื่อนบ้าน และต่อคนยากจนทั้งหลาย
ความเป็นอิบาดุลเราะห์มาน
ก็คือคนที่มีความยุติธรรมและคนที่ดี มีชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอดีและยึดสายกลาง
สามารถหลีกพ้นจากความฟุ่มเฟือยในการบริโภค และความตระหนี่ถี่เหนียว
การจับจ่ายใช้สอย
อย่างเป็นระบบและถูกต้องก็เป็นส่วนหนึ่งที่ชี้ถึงความเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์ ที่ปฏิบัติตามหลักการศาสนาอย่างเคร่งครัด
รอมฎอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่สุดแล้วที่เราจะนำมาเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดระเบียบการใช้จ่ายในครอบครัว และการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งทั้งเพื่อเป็นซะกาตหรือซอดาเกาะห์
ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งความฟุ่มเฟือยและความตระหนี่ ถี่เหนียวที่มีในตัวตนถูกสลายไป
คงเหลือแต่เพียงประชาชาติแห่งวาซอตียะห์หรือประชาชาติสายกลาง
No comments:
Post a Comment