Monday, October 30, 2006

ความรักต้องคิดและมอง

นานมาแล้วฉันเคยถูกจับให้ไปเล่นเกมๆ นึงแบบที่ชั้นไม่ เต็มใจ แต่พอเล่นไปแล้วก้อประทับใจมากเลยทีเดียว มันเป็นเกมเกี่ยวกับความรัก...

...มีคนตั้งขึ้นมาว่า จะมีสะพานไม้เล็กๆ อยู่ ให้เดินไปจนถึงโดยที่หลับตา ถ้าใครสามารถเดินไปถึงได้โดยไม่ตกลงมา คุณและคู่รักของคุณจะเป็นเนื้อคู่กันตลอดไป...

ทุกคนจึงพยายามเดินแล้วหลายรอบ แต่ก้อตกลงมาทุกที บางคนถึงกับคิดว่าชั้นคงไม่มีเนื้อคู่แล้วล่ะ สิ

จนมีคนๆ นึงเดินไปถึง และไม่ตกลง มา ทุกคนก้อถามว่าเดินยังไงหละถึงไม่ตก..พอคนๆ นั้นตอบทุกคนก้อเงียบไป เลย

เค้าบอกว่า "ชั้นแอบลืมตาเดินไง"...

ลองคิดดูซิ
เพื่อความรัก ทุกคนยอมหลับตา..และยอมปฏิเสธสิ่งต่างๆ ที่ทุกคนผ่านมัน โดยไม่มองอะไรเลย..เค้าสั่งให้หลับตาเดินก้อยอม แล้วมันจะไปถึงได้อย่างไร..ในเมื่อตาเรามองไม่เห็นทาง..เวลามีความรักลองเปิดตา มองให้ไกล..อย่าปล่อยให้ความรักทำให้ตาบอด..ถึงแม้ลืมตาเดินแล้วยังตกลงมาอีก ก้อ คงไม่เจ็บเท่าตกลงมาเพราะหลับตาเดิน..เพราะเราจะรู้ว่าต้องตกท่าไหนจึงจะเจ็บ น้อยที่สุด.

Saturday, October 28, 2006

จูบนี้สำหรับแม่


เมื่อตอนที่ฉันยังเล็กอยู่ฉันรู้สึกเป็นภาระอย่างยิ่ง ที่ถูกทำเหมือนกับว่าฉันเป็นคนรับใช้ในบ้านมาโดยตลอด ในทุกอย่างที่เป็นงานบ้าน ทั้งกวาดบ้าน ทำกับข้าวในครัว ในทุก ๆ วัน

ฉัน “ถูกบังคับ” ให้ต้องทำและตื่นแต่เช้าก่อนน้อง ๆ หลังทานอาหารเสร็จฉันต้องล้างถ้วยล้างจาน ทำความสะอาดห้องครัว แม่ไม่ให้โอกาสฉันได้เล่นสนุก ๆ กับเพื่อน ๆ เลย หากว่าภารกิจในบ้านยังไม่เสร็จ บ่อยครั้งที่ฉันต้องบ่นและพูดจาค่อนแคะแม่ เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินกับภารกิจที่ฉันต้องทำในทุกวัน

**********************

วันนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันเริ่มที่จะเข้าใจแม่มากขึ้น เข้าใจในภาระที่แม่ “บังคับ” ให้ฉันต้องทำเพราะฉันจะต้องเป็นภรรยาที่ดีของสามีฉัน ฉันจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของลูก ๆ ของฉัน ซึ่งก็แน่นอนว่าฉันมิอาจจะหลีกเลี่ยง จากภารกิจที่แม่ “บังคับ” ให้ฉันต้องทำเมื่อครั้นที่ฉันยังเล็ก ๆ อยู่

ฉันขอขอบคุณคุณแม่เพราะจากการเคี้ยวเข็ญของแม่ ฉันจึงสามารถเป็นภรรยาที่ดีของสามีฉันได้ และฉันได้เป็นแม่ที่ลูก ๆ มีความภาคภูมิใจในตัวฉัน

เมื่อครั้งแรกสุดที่ฉันได้ไปโรงเรียนในระดับชั้นอนุบาล แม่ไปส่งฉันทุก ๆ วัน แม่ไปส่งถึงประตูห้องและจูบฉันทุกครั้งก่อนที่ฉันจะเข้าห้องไปนั่งในที่นั่งของฉัน และแม่ก็มองฉันด้วยสายตาที่อบอุ่นใจอย่างยิ่ง ก่อนที่จะออกไปจากโรงเรียน ไปทำงานของแม่

ในช่วงเย็นแม่จะมารอรับฉันก่อนเวลาเลิกเรียนเสมอ ฉันมองออกไปทางหน้าต่าง เห็นแม่นั่งรอฉันอยู่ใต้ต้นไม้ บุคลิกของแม่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม่อดทนได้เสมอสำหรับฉัน แม้แดดจะร้อนจัดเพียงใดหรือฝนจะตกหนักหน่วงแค่ไหน หรือแม่จะทำงานหนักอย่างไร แม่ก็ยังคงมาส่งและมารับฉันด้วยตัวเองเสมอ

พอฉันโตขึ้นฉันไม่ค่อยจะสนใจแม่นัก ฉันจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เสมอ ฉันไม่สนใจว่าตอนนี้แม่เป็นอย่างไร บ่อยครั้งที่แม่เป็นไข้ ฉันก็แค่เลียบเคียงดูอาการแล้วก็ออกไปเล่นกับเพื่อนต่อ

ในตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น ฉันรู้สึกอับอายมากที่ต้องเดินคู่กับแม่ การแต่งกายของแม่ ที่ฉันดูแล้วเหมือน กับมนุษย์ผู้ด้อยพัฒนา ไม่ทันกับยุคสมัย ซึ่งไม่เหมือนฉันที่แต่งกายตามแฟชั่นที่กำลังเห่อในยุคสมัย เวลาที่ต้องไปไหนกับคุณแม่ ฉันจะไม่เดินคู่กับแม่ ฉันจะเดินนำหน้าแม่ 4-5 ก้าวเสมอ เพราะฉันไม่อยากให้คนรอบข้างเห็นว่าฉันกับแม่มาด้วยกัน

ตามคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน เขาพูดว่าตั้งแต่ฉันเกิดมา แม่ไม่มีโอกาสได้ซื้อเสื้อผ้า หรือเครื่อง ประดับใหม่ ๆ เลย เงินส่วนที่เหลือจากค่าอาหารในแต่ละเดือน คุณแม่จะซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกอย่างที่ฉันต้องการ เพื่อให้ฉันดูสวยเสมอ คุณแม่อดทนทุกอย่างเพื่อความสุขของฉัน คุณแม่จะเข้ามากอดฉันทุกครั้งที่เห็นฉันมีสีหน้าไม่สบายใจ และเฝ้าปลอบประโลมฉันไม่ห่างเลย ในยามที่ฉันต้องร้องไห้

เมื่อฉันจบมัธยมปลายและสอบเข้ามหา’ลัยได้ ความรู้สึกแปลกแยกระหว่างฉันกับแม่ก็มีมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าฉันฉลาดและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล บ่อยครั้งที่ฉันเห็นว่าแม่ช่างโง่จริงๆ ไม่มีความคิดอ่านอะไรเลย. การสื่อสารระหว่างฉันกับแม่รู้สึกว่าจะหาจุดลงตัวยาก สุดท้ายสิ่งที่ฉันคุยกับแม่ก็แค่เรื่องเงินค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและค่าใช้จ่ายสำหรับชีวิตประจำวันของฉันเท่านั้น

หลังจบจากมหาวิทยาลัย ฉันเริ่มที่จะสำนึกว่า แม่คนที่ฉันมองว่าโง่ ไม่มีความคิด และไม่เข้าใจอะไรเลยนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้ให้กำเนิดและให้การเลี้ยงดูลูกน้อยให้ฉลาดและเก่ง อย่างน้อยก็สามารถเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในหมู่บ้านฉันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสเช่นนี้ ถึงแม้ว่าแม่ไม่มีการศึกษาอะไร แต่จากดุอาของแม่ในทุกหลังละหมาด บวกกับความเคี้ยวเข็ญ ความอดทน ความรักและความเสียสละของแม่ สิ่งนี้มีค่ามากมาย มากยิ่งไปกว่าความสำเร็จที่ฉันได้รับมาในวันนี้หลายเท่านัก หากไม่ใช่เพราะแม่คนนี้ คงไม่มีชีวิตฉันที่เปี่ยมล้นด้วยความอิ่มเอิบใจในวันนี้แน่ ๆ

***************************

ในวันแต่งงานของฉัน คุณแม่นั่งเคียงข้างฉันตลอด คุณแม่ได้ย้ำเตือนฉันไห้ต้องอดทน สำหรับการก้าวย่าง เข้าไปสู่ช่วงชีวิตใหม่. เมื่อใดที่ฉันมองหน้าคุณแม่

ฉันได้สัมผัสและรับรู้ ถึงความอบอุ่นใจที่ฉายแววในสายตาของคุณแม่ รอยยิ้มของคุณแม่ชั่งอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นยิ่งกว่ารอยยิ้มของสามีฉันซะอีก

หลัง อิญาบ กอบูล เสร็จสิ้นลง คุณแม่ก็ได้มากอดและจูบฉัน เป็นความอบอุ่นอย่างสุดแสนที่ฉันจะพรรณนาออกมาได้ และโดยพลันก็ทำให้ฉันระลึกถึง “จูบแรก” ที่ฉันได้รับจากคุณแม่เมื่อครั้นที่ฉันเกิดมา.

วันนี้ฉันต้องสาระวนกับภารกิจในบ้านของฉัน ฉันไม่ค่อยจะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเดิมนักฉันหวังอยากเป็นภรรยาที่ดี มีความซื่อสัตย์ต่อสามี แม้ว่าฉันจะอาลัยอาวรณ์และคิดถึงแม่เหลือเกินโดยเฉพาะในวันนี้ วันที่ฉันมีลูก

วันนี้ฉันได้รู้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันส่งกลับไปให้แม่เป็นประจำในทุกๆ เดือน มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เมื่อเทียบกับความรัก ความห่วงหาอาทรจากแม่ และเมื่อเทียบกับที่ฉันต้องกับไปหาแม่ ด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็น “เงิน”

ฉันจะกลับไปหาแม่ ไปกอดและจูบแม่ แม้ว่าจูบนี้จะเทียบไม่ได้กับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านลึกลงไปในหัวใจฉัน อันเนื่องมาจากความรักของแม่ที่มีต่อลูก

นางแอ่นของข้า

Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting